กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :
แต่เดิมมา
สังคมไทยแม้จะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ
ทั้งปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง
วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เหมือนกับประเทศอื่นๆ
แต่คนไทยก็สามารถที่จะแก้ไขและฟันฝ่าปัญหาต่างๆ
มาได้ด้วยดี สังคมไทยที่ผ่านมา
จึงเป็นสังคมที่มีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันและกันเป็นพื้นฐาน
มีรอยยิ้มแห่งความมีน้ำใจ ที่ใครๆ
ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความมีไมตรีจิต
น่าสงสัยเหมือนกันว่า
การที่คนไทยสามารถฟันฝ่าปัญหาต่างๆ มาได้นั้น
เป็นเพราะปัญหาที่คนไทยเผชิญหน้านั้น
เป็นปัญหาที่ไม่ร้ายแรง
หรือเป็นเพราะว่าคนไทยมีพื้นฐานแห่งความรักความสามัคคีและมีศักยภาพในการที่จะแก้ไขปัญหา
ปัจจุบันสังคมไทยกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ
ที่มีลักษณะอันอาจจะเรียกได้ว่ารุนแรงหรือวิกฤติ
เพราะปัญหาต่างๆ เหล่านี้
แม้จะเป็นปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในสังคมไทย
แต่ปัญหาดังกล่าวนี้ มีรากฐานมาจากปัญหาพื้นฐาน
คือ การขาดความสามัคคีและความเสียสละของทุกๆ
คนในชาติ คนไทยไม่มีอุดมการณ์แห่งความรักชาติ
ที่ร้ายไปกว่าเดิม
ก็เห็นจะได้แก่ปัญหาในปัจจุบันได้ถูกกำหนดด้วยคุณค่าแห่งวัฒนธรรมบริโภคนิยมและการแข่งขัน
ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก
ทุกฝ่ายจึงพยายามแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง
ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ ก็ตาม
บรรยากาศของสังคมไทยในขณะนี้
โดยเฉพาะบรรยากาศทางการเมือง
จึงเป็นบรรยากาศแห่งความตึงเครียด
มีสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาจจะนำไปสู่ความแตกแยกขัดแย้งที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น
และกลายเป็นวิกฤตการณ์ที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งของสังคมไทย
ทั้งนี้ เพราะแม้หลายๆ
คนจะยังมีความหวังในการแก้ไขปัญหา
แต่ก็น่าเป็นห่วงเหลือเกินว่า
สังคมไทยจะสามารถแก้ไขและฟันฝ่าปัญหาที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ได้อย่างไร
ในเมื่อต่างฝ่ายต่างมุ่งเอาชนะกันและกัน
โดยไม่มีฝ่ายไหนที่จะยอมเสียสละเพื่อประเทศชาติ
และยอมแม้แต่จะรับฟังคติธรรมที่ว่า แพ้เป็นพระ
ชนะเป็นมาร
มองสภาพการณ์ในขณะนี้แล้ว
ทำให้เป็นห่วงชะตากรรมของสังคมไทยว่า
จะตกอยู่ในบ่วงบาป 7 ประการ ที่ มหาตมะ
คานธี ได้นำเสนอไว้
(แปลโดยอาจารย์กรุณา-เรืองอุไร กุศลาสัย) กล่าวคือ
1.เล่นการเมืองโดยไม่มีหลักการ
(Politics without Principles)
2.
หาความสุขสําราญโดยไม่ยั้งคิด (Pleasure without
Conscience)
3.
ร่ำรวยเป็นเอกนิษฐ์โดยไม่ต้องทํางาน (Wealth
without Work)
4.
มีความรู้มหาศาลแต่ความประพฤติไม่ดี (Knowledge
without Character)
5.
ค้าขายโดยไม่มีหลักศีลธรรม (Commerce without
Morality)
6.
วิทยาศาสตร์เลิศล้ำแต่ไม่มีธรรมแห่งมนุษย์
(Science without Humanity)
7.
บูชาสูงสุดแต่ไม่มีความเสียสละ (Worship without
Sacrifice)
เพราะเป็นที่น่าพิจารณาว่า
ปัจจุบันสังคมไทยกำลังตกอยู่ในบ่วงบาปทั้งเจ็ดประการนี้หรือเปล่า
โดยเฉพาะบาปแรกและบาปสุดท้าย ในกรณีของบาปแรกนั้น
จะเห็นได้ว่า
สถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยในขณะนี้
อยู่ในภาวการณ์แย่งชิงอำนาจของนักการเมืองกลุ่มต่างๆ
ในทุกวิถีทาง
โดยที่ทุกกลุ่มก็มักจะอ้างการปรับเปลี่ยนเพื่อก้าวไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว
แทบจะหาไม่พบทั้งเนื้อหาและวิธีการในระบอบประชาธิปไตย
กรณีการตัดสินยุบพรรคที่เกิดขึ้น
และแรงกระเพื่อมทางการเมืองที่เกิดขึ้นตามมา
ดูเหมือนจะเป็นตัวบ่งชี้สำคัญว่า
การเมืองไทยกำลังจะตกไปในบ่วงบาปประการแรก
หรือว่าได้ตกไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนบาปสุดท้าย คือ
การบูชาสูงสุด แต่ไม่มีความเสียสละนั้น
จะเห็นได้ว่า
สังคมไทยกำลังตกอยู่ภายใต้กระแสของจตุคามรามเทพ
แม้กระแสนี้จะเฟื่องฟูไปทั่วสังคม
แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนในสังคมปัจจุบันมีความเสียสละหรือมีจริยธรรมที่ดีงามยิ่งขึ้นกว่าเดิมเท่าไรนัก
ตรงกันข้าม กลับปรากฏว่า
เป็นปรากฏการณ์ที่หลายคนบอกว่า
สะท้อนถึงความเสื่อมโทรมของสังคมไทย
เพราะเป็นกระแสของทุนนิยม
ที่ทุกฝ่ายต่างโหนกระแสนี้มุ่งกอบโกยความร่ำรวยใส่ตัว
โดยลืมหลักแห่งธรรมดังที่พระพรหมคุณาภรณ์ และหลายๆ
ท่านได้ออกมาให้สติ
กรณีการตัดสินยุบพรรคการเมือง
รวมทั้งแรงกระเพื่อมทางการเมือง
และกระแสของจตุคามรามเทพ จึงเป็นบททดสอบสำคัญว่า
สังคมไทยจะสามารถก้าวพ้นบ่วงบาปได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม
มีสิ่งหนึ่งที่สามารถบ่งบอกทิศทางของสังคมไทยได้ว่า
จะสามารถก้าวพ้นบ่วงบาปและก้าวไปสู่ทิศทางที่ดีงามถูกต้องได้
นั่นก็คือการพิจารณาคติธรรมของท่านเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์
(ป.อ.ปยุตฺโต) ที่ว่า "ชะตากรรมของสังคมไทย
จะเป็นอย่างไร อยู่ที่คนไทยจะบูชาทรัพย์และกาม
หรือบูชาธรรมและกรรมที่สร้างสรรค์"
ชะตากรรมของสังคมไทยในวันนี้
จึงอยู่ในมือของคนไทยทุกๆ คน
ที่จะช่วยกันทำลายหรือช่วยกันสร้างสรรค์
ผศ.ธนภณ สมหวัง
Dhanapon.so@spu.ac.thมหาวิทยาลัยศรีปทุม