ปัญหาและอุปสรรคทางกฎหมายเกี่ยวกับการเยียวยาผู้เสียหายในคดีสิ่งแวดล้อมโดยผลผูกพันของคำพิพากษาและคำบังคับ

กำลังโหลด...
รูปภาพขนาดย่อ

วันที่

2555-03-09T09:24:34Z

ชื่อวารสาร

วารสาร ISSN

ชื่อหนังสือ

สำนักพิมพ์

เชิงนามธรรม

อำนาจศาลในการกำหนดขอบเขตคำพิพากษาหรือคำบังคับเกี่ยวกับการเยียวยาผู้เสียหายในคดีสิ่งแวดล้อมไม่มีมาตรการเพียงพอก่อให้เกิดปัญหาและอุปสรรคทางกฎหมายในการเยียวยาหรือชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหาย แม้ศาลจะมีอำนาจตามที่กฎหมายกำหนดไว้แต่กฎหมายที่มีอยู่นั้นไม่อาจจะครอบคลุมกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ จึงควรที่จะนำหลักและทฤษฎีกฎหมายอื่น ๆ มาใช้เพื่อให้การเยียวยาผู้เสียหายและอำนาจศาลในการกำหนดขอบเขตคำพิพากษาหรือคำบังคับในคดีสิ่งแวดล้อมมีประสิทธิภาพปราศจากการซ้ำซ้อนของอำนาจศาล โดยควรนำหลักเกณฑ์การเยียวยาผู้เสียหายตามหลักเกณฑ์การฟ้องคดีแบบกลุ่มมาใช้บังคับอย่างเป็นรูปธรรมและบัญญัติหลักการสงวนสิทธิของคำพิพากษาไว้ในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 อย่างชัดเจนเพื่อให้ศาลปกครองนำกลไกเหล่านี้ไปใช้บังคับได้ นอกจากอำนาจในการที่จะกำหนดคำพิพากษาหรือคำบังคับของศาลโดยมีกฎหมายที่มีประสิทธิภาพเป็นเครื่องมือในการบังคับใช้แล้ว และเพื่อให้การแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการหน่วยงานผู้รับผิดชอบบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาหรือคำบังคับในคดีสิ่งแวดล้อมก็ควรที่จะมีหน่วยงานกลางหรือหน่วยงานเฉพาะในการที่จะมีอำนาจบังคับคดีแทนประชาชนผู้ได้รับความเสียหายจากผู้ก่อมลพิษ ดังนั้นในปัญหาอำนาจศาลที่จะกำหนดขอบเขตคำพิพากษาหรือคำบังคับเกี่ยวกับการเยียวยาในคดีสิ่งแวดล้อม ผู้ศึกษาขอเสนอแนะว่าศาลควรกำหนดค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนไว้เป็นการเฉพาะโดยไม่ต้องอาศัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 และการกำหนดค่าเสียหายควรนำหลักกฎหมายของประเทศที่ใช้กฎหมายจารีตประเพณี (Common Law) ที่เรียกว่า “Class Action” ควบคู่ไปกับหลักการสงวนสิทธิในคำพิพากษาหรือคำบังคับมาปรับใช้ เพื่อให้คำพิพากษาหรือคำบังคับของศาลมีเอกภาพควรบัญญัติกฎหมายให้การเยียวยาผู้เสียหายในคดีสิ่งแวดล้อมเป็นอำนาจของศาลยุติธรรมหรืออำนาจของศาลปกครองไว้เป็นการเฉพาะ รวมทั้งหน่วยงานผู้รับผิดชอบบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาหรือคำบังคับควรมีการกำหนดหน่วยงานกลางหรือหน่วยงานเฉพาะในการบังคับคดี นอกจากนั้นควรบัญญัติกฎหมายรับรองในเรื่องสิทธิของผู้เสียหายให้มีความชัดเจนและครอบคลุมมากกว่านี้โดยควรจะถือว่าเมื่อมีความเสียหายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อผู้ใดแล้วก็ให้ถือว่าสิทธิของผู้นั้นถูกละเมิดแล้วและควรบัญญัติให้ชัดเจนด้วยว่าผู้เสียหายในกรณีเช่นนี้จะมีสิทธิฟ้องคดีในกรณีใดได้บ้างหรือศาลใดบ้าง ในฐานะที่รัฐมีหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนและคดีประเภทนี้จะเป็นคดีเกี่ยวกับส่วนรวมเป็นส่วนใหญ่ตลอดจนมีผู้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ดังนั้นในการฟ้องคดีของผู้เสียหายรัฐจึงควรเข้ามามีส่วนช่วยเหลือ เช่น จัดตั้งองค์กรพิเศษขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือในการดำเนินคดีหรืองดเว้นไม่เรียกค่าฤาชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี

คำอธิบาย

คำหลัก

ผู้เสียหาย, สิ่งแวดล้อม, คำพิพากษา, คำบังคับ

การอ้างอิง