Please use this identifier to cite or link to this item: http://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/6697
Title: การพัฒนาระบบการฝึกอบรมผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ เพื่อส่งเสริมทักษะการสื่อสารในครอบครัว
Other Titles: DEVELOPMENT OF A TRAINING MODEL THROUGH ONLINE SOCIAL NETWORKS TO PROMOTE FAMILY COMMUNICATION SKILLS
Authors: สุรเสกข์ ยุทธิวัฒน์
สิรินธร สินจินดาวงศ์
Keywords: การฝึกอบรมออนไลน์
ทักษะการส่ือสารในครอบครัว
Self-Help Group
Issue Date: 19-December-2562
Publisher: การประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ มหาวิทยาลัยศรีปทุม คร้ังที่ 14 ประจําปี 2562 วันที่ 19 ธันวาคม 2562
Citation: สุรเสกข์ ยุทธิวัฒน์ และสิรินธร สินจินดาวงศ์.(2562). การพัฒนาระบบการฝึกอบรมผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ เพื่อส่งเสริมทักษะการสื่อสารในครอบครัว. การประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ มหาวิทยาลัยศรีปทุม คร้ังที่ 14 ประจําปี 2562 เร่ือง “วิจัยและนวัตกรรมเพื่อประเทศไทย 4.0” ณ ห้อง Auditorium 1-2 ชั้น 14 อาคาร 40 ปี มหาวิทยาลัยศรีปทุม บางเขน, 1423-1430.
Abstract: การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์ (1) เพ่ือพัฒนาระบบการฝึ กอบรมผ่านเครือข่ายออนไลน์ในการเพ่ิม ศักยภาพการส่ือสารของผู้ปกครองครอบครัวท่ีมีลูกหลานวัยรุ่น และ (2) เพ่ือสร้างข้อเสนอแนะในการนําระบบ ฝึ กอบรมออนไลน์ไปใช้เพื่อขยายเครือข่ายที่รองรับกับความต้องการของผู้ปกครองกลุ่มเป้าหมาย โดยต้องการ ทดลองเพื่อหาระบบการฝึ กอบรมท่ีมีประสิทธิภาพในการพัฒนาศักยภาพด้านการส่ือสารของผู้ปกครอง ให้ ผู้ปกครองกลุ่มเป้าหมายได้ตระหนักรับรู้ถึงปัญหาการสื่อสารภายในครอบครัว รู้วิธีการในการจัดการปัญหาที่ เกิดข้ึนภายในครอบครัวของตนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยงานวิจัยน้ีเป็ นงานวิจัยแบบผสมผสาน โดยใช้การวิจัยเชิง คุณภาพนําเชิงปริมาณ มีกลุ่มตัวอย่างคือผู้ปกครองที่มีลูกหลานวัยรุ่น มีเคร่ืองมือในการวิจัยคือแบบประเมิน สัมพันธภาพและการส่ือสารของผู้ปกครอง การสัมภาษณ์ผู้ปกครองท่ีผ่านเกณฑ์ และแผนการฝึ กอบรม การ วิเคราะห์ข้อมูลจากการวิเคราะห์เน้ือหา การวิเคราะห์ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนจากการตอบแบบประเมินและการทํา การทดสอบ โดยใช้สถิติ การแจกแจงความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉล่ีย ผลการศึกษาวิจัย พบว่า (1) สามารถพัฒนาระบบท่ี ใช้ในการฝึ กอบรมผ่านเครือข่ายออนไลน์ในการเพิ่มศักยภาพการส่ือสารของผู้ปกครองในครอบครัวท่ีมีลูกหลาน วัยรุ่น โดยมีอัตราการเรียนจบอยู่ที่ 82% และ (2) พบว่าการจัดการอบรมออนไลน์น้ัน จะต้องคํานึงถึง 3 ปัจจัย หลัก ได้แก่ ปัจจัยด้านผู้เรียน ปัจจัยด้านผู้นํากระบวนการและอาสา ปัจจัยด้านสารสนเทศ
URI: http://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/6697
Appears in Collections:SITI-05. บทความที่ประชุมวิชาการ (ระดับชาติ)

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
สุรเสกข์ บทความ1.pdf721.18 kBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.