เดชา วัฒนนามกุล2557-11-182557-11-182557-11-18https://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/4487มหาวิทยาลัยศรีปทุมงานตกแต่งภายในมีการแบ่งระบบการจ้างงานออกเป็นหลายรูปแบบ แต่ยังไม่มีงานวิจัยที่ศึกษาเปรียบเทียบระบบการจ้างงานแบบสัญญาเดี่ยว และสัญญาแยกส่วนในงานตกแต่งภายใน โดยเปรียบเทียบด้านต้นทุน และระยะเวลา ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาการศึกษาข้อดี ข้อเสียของระบบการจ้างงานแบบสัญญาเดี่ยว และแบบสัญญาแยกส่วนในงานตกแต่งภายใน ซึ่งขอบเขตของเนื้อหาเป็นงานตกแต่งร้านค้าในพื้นที่เช่าของห้างสรรพสินค้า ของบริษัท เฟอร์เนีย จำกัด งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบด้านต้นทุน และระยะเวลาของระบบการจ้างงานแบบสัญญาเดี่ยว และแบบสัญญาแยกส่วนในงานตกแต่งภายใน ขั้นตอนการศึกษาเริ่มจากการศึกษาระบบการจ้างงานทั้ง 2 ระบบ ในงานตกแต่งภายใน จากนั้นสำรวจ และเก็บข้อมูลจากตัวอย่างโครงการที่มีระบบการจ้างงานแบบสัญญาเดี่ยว และแบบสัญญาแยกส่วนในด้านต้นทุน และระยะเวลา แล้วนำข้อมูลมาเปรียบเทียบระหว่างระบบการจ้างงานแบบสัญญาเดี่ยว และแบบสัญญาแยกส่วน ผลการวิจัยสรุปว่า ในหมวด 100 Material ของสัญญาเดี่ยวจะมีมูลค่าสูงกว่าสัญญาแยกส่วน โดยมีสัดส่วนร้อยละ 25.79 และร้อยละ 24.53 จากมูลค่าโครงการตามลำดับ ในหมวด 200 Subcontractor จะพบว่าในลักษณะสัญญาเดี่ยวจะมีมูลค่าต่ำกว่าสัญญาแยกส่วน โดยมีสัดส่วนร้อยละ 29.92 และร้อยละ 50.93 จากมูลค่าโครงการตามลำดับ ในหมวด 300 Administrative & Expense จะพบว่าในลักษณะสัญญาเดี่ยวจะมีมูลค่าสูงกว่าสัญญาแยกส่วน โดยมีสัดส่วนร้อยละ 3.13 และร้อยละ 1.99 จากมูลค่าโครงการ ในหมวด 400 Staff Expenses จะพบว่าในลักษณะสัญญาเดี่ยวจะมีมูลค่าต่ำกว่าสัญญาแยกส่วน โดยมีสัดส่วนร้อยละ 1.50 และร้อยละ 4.88 จากมูลค่าโครงการ ส่วนด้านระยะเวลาพบว่าระบบการจ้างงานแบบสัญญาเดี่ยวใช้ระยะเวลาน้อยกว่าระบบการจ้างงานแบบสัญญาแยกส่วนระบบการจ้างงานในงานตกแต่งภายในระบบการจ้างงานแบบสัญญาเดี่ยวแบบสัญญาแยกส่วนในงานตกแต่งภายในงานตกแต่งร้านค้าบริษัท เฟอร์เนีย จำกัดการศึกษาข้อดี ข้อเสียของระบบการจ้างงานแบบสัญญาเดี่ยว และแบบสัญญาแยกส่วนในงานตกแต่งภายใน กรณีศึกษา งานตกแต่งร้านค้าในพื้นที่เช่าของห้างสรรพสินค้า ของบริษัท เฟอร์เนีย จำกัดArticle