Please use this identifier to cite or link to this item: http://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/6789
Title: การประยุกต์ใช้ทฤษฎีของเสีย 7 อย่างในการวิเคราะห์และแก้ไขขั้นตอนกระบวนการประกอบชิ้นสวนเครื่องปรับอากาศ
Other Titles: Application of 7 waste theories in analyzing and modifying the process of air conditioning
Authors: เอกพล ยอดแก้ว
Keywords: ลดความผิดพลาดในการผลิต
เครื่องมือควบคุมคุณภาพ
เทคนิการระดมสมอง
Issue Date: 2563
Publisher: สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
Citation: เอกพล ยอดแก้ว. 2560. "การประยุกต์ใช้ทฤษฎีของเสีย 7 อย่างในการวิเคราะห์และแก้ไขขั้นตอนกระบวนการประกอบชิ้นสวนเครื่องปรับอากาศ." ผลงานวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม.
Series/Report no.: SPU_เอกพล ยอดแก้ว _T185185_2560
Abstract: โครงงานนี้มีวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการในการตรวจสอบ การประกอบคอยล์ร้อน เพื่อหาสาเหตุของปัญหาและแนวทางการแก้ไขในกระบวนการประกอบชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศ ในการทำโครงการนี้เริ่มจากการศึกษาข้อมูลปัจจุบันของษริษัทกรณีศึกษาโดยใช้การสังเกตุ สอบถาม สัมภาษณ์และจดบันทึกข้อมูลจากพนักงงานบริษัท การศึกษาขั้นต้นจะทำการหาเก็บข้อมูลปัญหาที่เกิดขึ้นมากที่สุด โดยเก็บข้อมูลจากสถิติสรุปผลในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์2561 ของบริษัทกรณีศึกษา และได้ทำการเก็บข้อมูลจากการส่งสินค้า ของบริษัทในช่วงเดือนมกราคมกุมภาพันธ์ 2561 เพื่อหาที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดและมีการเสียค่าใช้จ่ายมากที่สุด จากนั้นได้ศึกษาทฤษฎีของเสีย 7 อย่างมาวิเคราะห์แก่ไขปัญหากกระบวนการประกอบชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศตั้งแต่ต้นจนถึงกระบวนการบรรจุว่าสาเหตุการการประกอบเครื่องปรับอากาศผิด แผนกใดที่มีส่วนรับผิดชอบ จากการได้ปัญหาข้อบกพร่องแล้วได้นำมาทำการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นเพื่อหาปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหาโดยใช้ทฤษฎีของเสีย 7 อย่างมาวิเคราะห์แก่ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยใช้แผนภูมิพาเรโตในการหาชิ้นงานที่ผิดพลาดมากที่สุด แล้วจึงนำแผนภูมิก้างปลาเข้ามาช่วยในการหาสาเหตุที่
Description: โครงงานสหกิจศึกษา, บทความ
URI: http://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/6789
Appears in Collections:EGI-08. ผลงานนักศึกษา



Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.