ปัจจัยที่ส่งผลต่อการนำนโยบายสาธารณะด้านการป้องกันและแก้ไข ปัญหายาเสพติดไปปฏิบัติของสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี: FACTORS AFFECTING PUBLIC POLICY ON DRUG PREVENTION TO PRACTICE. A CASE STUDY OF NONTHABURI POLICE STATION.
dc.contributor.author | ต่อสกุล มีศิริ | en_US |
dc.date.accessioned | 2559-07-25T10:05:14Z | |
dc.date.available | 2559-07-25T10:05:14Z | |
dc.date.issued | 2559-07-25T10:05:14Z | |
dc.description | มหาวิทยาลัยศรีปทุม | en_US |
dc.description.abstract | การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการนำนโยบายสาธารณะด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดไปปฏิบัติของสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผล ต่อการนำนโยบายสาธารณะเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดไปปฏิบัติของสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรีและศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยแต่ละด้านกับผลของการนำนโยบายสาธารณะเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดไปปฏิบัติของสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการนำนโยบายสาธารณะด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดไปปฏิบัติของสถานีตำรวจภูธร เมืองนนทบุรี ด้วยการการแจกแบบสอบถาม จำนวน164 ชุด แล้วนำมาวิเคราะห์สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีอายุ 31-35 ปี มีระดับการศึกษาสูงสุดระดับปริญญาตรี ส่วนมากชั้นสัญญาบัตร มีอายุราชการ 1-5 ปี มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 15,001-20,000 บาท มีประสบการณ์ในการจับกุมคดียาเสพติด ประเภทการกระทำผิดคดียาเสพติดที่สามารถจับกุมได้ คือ จำหน่ายยาเสพติด จำนวนคดียาเสพติดที่ดำเนินการจับกุมได้ 151-200 คดีต่อปี ปัจจัยที่ส่งผลต่อการนำนโยบายด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดไปปฏิบัติโดยรวมมากที่ค่าเฉลี่ย 3.95 ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ปัจจัยด้านการติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงานที่ค่าเฉลี่ย 4.76 รองลงมาปัจจัยด้านสภาวะทางด้านเศรษฐกิจสังคมและการเมืองที่ค่าเฉลี่ย 4.23 รองลงมาปัจจัยด้านมาตรฐานและวัตถุประสงค์ของนโยบายที่ค่าเฉลี่ย 4.09 รองลงมาปัจจัยด้านคุณลักษณะของหน่วยงานที่ปฏิบัติที่ค่าเฉลี่ย 4.04 รองลงมาปัจจัยด้านการสนับสนุนของหน่วยปฏิบัติที่ค่าเฉลี่ย 3.98 รองลงมาปัจจัยด้านการมีส่วนร่วมของผู้ปฏิบัติและผู้รับบริการที่ค่าเฉลี่ย 3.53 และปัจจัยด้านงบประมาณและแรงจูงใจที่ค่าเฉลี่ย 2.98 ตามลำดับ ระดับผลของการนำนโยบายสาธารณะด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ไปปฏิบัติ โดยรวมมาก ที่ค่าเฉลี่ย 3.95 ซึ่งควรมีการจัดการความรู้เกี่ยวกับกระบวนการทำงาน ของชุมชนที่นำไปสู่การสร้างความยั่งยืนในการทำงาน โดยใช้กลไกสถาบันวิชาการในพื้นที่ และนำมาเผยแพร่และขยายผลทุกระดับ และควรพัฒนาโปรแกรมที่ดีและสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาได้ของต่างประเทศมาทดลองปฏิบัติใช้ในชุมชนไทยที่ยังคงมีปัญหายาเสพติดสูง | en_US |
dc.description.provenance | Submitted by kulwaree.di kulwaree (kulwaree.di@spu.ac.th) on 2559-08-22T10:05:14Z No. of bitstreams: 1 ต่อสกุล มีศิริ.pdf: 316007 bytes, checksum: 8b95ae83b91641ae201b52ad9ce0f8e4 (MD5) | en |
dc.description.provenance | Made available in DSpace on 2559-08-22T10:05:14Z (GMT). No. of bitstreams: 1 ต่อสกุล มีศิริ.pdf: 316007 bytes, checksum: 8b95ae83b91641ae201b52ad9ce0f8e4 (MD5) | en |
dc.identifier.uri | https://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/4580 | |
dc.subject | การนำนโยบายสาธารณะ | en_US |
dc.subject | ปัญหายาเสพติด | en_US |
dc.subject | ปัจจัยที่ส่งผลต่อการนำนโยบายสาธารณะด้านการป้องกันและแก้ไข ปัญหายาเสพติด | en_US |
dc.title | ปัจจัยที่ส่งผลต่อการนำนโยบายสาธารณะด้านการป้องกันและแก้ไข ปัญหายาเสพติดไปปฏิบัติของสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี: FACTORS AFFECTING PUBLIC POLICY ON DRUG PREVENTION TO PRACTICE. A CASE STUDY OF NONTHABURI POLICE STATION. | en_US |
dc.type | Article | en_US |