School of Law
URI ถาวรสำหรับชุมชนนี้
เรียกดู
กำลังเรียกดู School of Law โดย วันที่ออก
ตอนนี้กำลังแสดง1 - 20 ของ 1381
ผลลัพธ์ต่อหน้า
ตัวเลือกเรียงลำดับ
รายการ การบริหารงานบุคคล : บทสะท้อนความไม่เท่าเทียมระหว่างสถาบันอุดมศึกษารัฐ-เอกชน(สยามธุรกิจ, 2547) Noppadon pagonenimiddeeรายการ การบริหารงานบุคคล : บทสะท้อนความไม่เท่าเทียมระหว่างสถาบันอุดมศึกษารัฐ-เอกชน(สยามธุรกิจ, 2547) pagonenimiddee, Noppadonรายการ การศึกษาเชิงเปรียบเทียบกฎหมายควบคุมสารเคมีและผลิตภัณฑ์เคมีในสหภาพยุโรปและประเทศไทย(2549) พลวัน, สุรีย์ฉายรายการ ปัญหาข้อกฎหมาย : การตั้งตู้จำหน่ายถุงยางอนามัยในสถาบันอุดมศึกษาเอกชน(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2550) นพดล ปกรณ์นิมิตดีรายการ ปัญหาข้อกฎหมาย : การตั้งตู้จำหน่ายถุงยางอนามัยในสถาบันอุดมศึกษาเอกชน(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2550) นพดล ปกรณ์นิมิตดีรายการ บทบาทของรัฐธรรมนูญเพื่อการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทย(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2550) จำรัสศรี, ปรีชาการปกครองระบอบประชาธิปไตย เป็นการปกครองที่อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน เป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน โดยมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดได้รับรองสิทธิ เสรีภาพและมีกฎหมายบัญญัติให้การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มีการปฏิรูประบบการเมืองเพื่อให้การพัฒนาประชาธิปไตยได้ยั่งยืนตลอดไป มีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อม เนื่องจากรัฐธรรมนูญมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญจึงเปรียบเสมือนเป็นสัญญาประชาคมระหว่างผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครองซึ่งได้แก่ประชาชนทั้งประเทศ การพัฒนาประชาธิปไตยจะไปด้วยดี ประชาชนต้องมีความรู้ความเข้าใจและความศรัทธาต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยและมีหลักการที่สำคัญคือการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดให้มีรัฐธรรมนูญและการร่างรัฐธรรมนูญโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญและการออกเสียงแสดงประชามติรายการ ใครมีอำนาจที่แท้จริงในการถอดถอนตามกฏหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน(หนังสือพิมพืสยามธุรกิจ, 2550-03-15) นพดล ปกรณ์นิมิตดีรายการ ใครมีอำนาจที่แท้จริงในการถอดถอนตามกฏหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษา(หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ, 2550-03-15) นพดล ปกรณ์นิมิตดีรายการ สานฝัน อุดมศึกษาเอกชน รัฐธรรมนูญใหม่ เปิดกว้างแค่ไหน(หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ, 2550-06-16) นพดล ปกรณ์นิมิตดีรายการ สานฝัน อุดมศึกษาเอกชน รัฐธรรมนูญใหม่ เปิดกว้างแค่ไหน(หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ, 2550-06-16) นพดล ปกรณ์นิมิตดีรายการ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฏหมายอาญา(ราชกิจจานุเบกษา, 2550-07-31)พรบ.ฉบับนี้มีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ในหมวด 5 เรื่องความผิดเกี่ยวกับหนังสือเดินทางรายการ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฏหมายอาญา(ราชกิจจานุเบกษา, 2550-07-31)พรบ.ฉบับนี้มีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ในหมวด 5 เรื่องความผิดเกี่ยวกับหนังสือเดินทางรายการ ปัญหากฎหมายเกี่ยวกับการลวงขายตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 ศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายไทยและกฎหมายอังกฤษ(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2551) ดวงกมล จำสัตย์การศึกษาเรื่อง “ปัญหากฎหมายเกี่ยวกับการลวงขายตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 ศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายไทยและกฎหมายอังกฤษ” มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ถึงสภาพปัญหาอันเกี่ยวกับการลวงขายเครื่องหมายการค้า เพื่อหาสาเหตุของปัญหาต่างๆและหามาตรการทางกฎหหมายในการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการลวงขาย ให้มีประสิทธิภาพเพียงพอกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงเสนอมาตรการทางกฎหมายที่เหมาะสมมาใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาในอนาคตรายการ ศึกษาขอบอำนาจของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. 2546(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2551) นพดล ปกรณ์นิมิตดีการศึกษาเรื่องขอบอำนาจของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. 2546 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบถึงสถานะความเป็นนิติบุคคล อำนาจหน้าที่ของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ รูปแบบบทบัญญัติว่าด้วยอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนในฐานะนิติบุคคลที่ควรมีในกฎหมาย โดยศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายของต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและความเข้าใจมากขึ้น ในเรื่องบทบาทอำนาจหน้าที่ และความเป็นอิสระของมหาวิทยาลัยที่ควรมีเหมือนกันทั้งของรัฐและเอกชน อันเนื่องจากมีปัญหาข้อกฎหมายบางประการที่กฎหมายไม่ได้กำหนดให้ชัดเจน ได้แก่ ปัญหาในเรื่องขอบอำนาจของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมาย ที่ไม่มีบทบัญญัติว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของนิติบุคคล แต่กลับมีบทบัญญัติในเรื่องจำกัดขอบอำนาจตามความในมาตรา 74 อันอยู่ในหมวดว่าด้วยการกำกับและควบคุม การกำหนดโทษทางอาญาในกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชนจำนวนถึง 20 มาตรา ในขณะที่กฎหมายสถาบันอุดมศึกษาของรัฐมีเพียง 1-2 มาตรา ซึ่งหากมีการยกเลิกและบัญญัติเพิ่มเติมกฎหมายให้ชัดเจนก็จะเป็นการส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมกันทางกฎหมายระหว่างสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชน ปัญหาเหล่านี้จากการศึกษามีข้อเสนอแนะเพื่อการแก้ไขปรับปรุงดังนี้ 1. ควรยกเลิกมาตรา 74 และบทบัญญัติในหมวดการกำกับและควบคุม ให้เหลือเท่าที่จำเป็น 2. ควรยกเลิกบทบัญญัติในส่วนบทกำหนดโทษ ให้เหลือเพียง 1-2 มาตรา 3. ควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในหมวด 3 การดำเนินงาน ให้มีบทบัญญัติเฉพาะว่า ด้วยอำนาจหน้าที่ของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน 4. ควรมีการแบ่งประเภทและระดับการกำกับและควบคุมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนไว้ในกฎหมายรายการ ผลกระทบอันเกิดจากการแก้ไขกฎหมายแรงงาน; ศึกษาเปรียบเทียบพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ กับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๒) และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2552) สุวรรณน้อย, เจียมจิตวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยเปรียบเทียบกับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ โดยศึกษาถึงประวัติความเป็นมาและวิวัฒนาการในการคุ้มครองแรงงาน แนวคิดพื้นฐาน แนวทางและความหมายของการคุ้มครองแรงงาน รวมถึงการให้ความคุ้มครองตามมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ เริ่มต้นจากสังคมในยุคโบราณจนพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นในลักษณะจ้างแรงงาน ต่อมาในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมศตวรรษที่ ๑๘ ถึงต้นศตวรรษที่ ๑๙ ภายหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม นายจ้างส่วนใหญ่อยู่ในฐานะที่ได้เปรียบลูกจ้าง ทำให้เกิดปัญหาข้อพิพาทแรงงานเพิ่มขึ้น รัฐจึงเข้าแทรกแซงเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมโดยวิธีตรากฎหมายคุ้มครองแรงงาน ในอดีตของไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตลอดมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีระบบจ้างงานลักษณะคล้ายสัญญาเช่าหรือยืม บทบัญญัติกฎหมายตราสามดวงแสดงถึงการปะปนกันอยู่ของสัญญาประเภทต่าง ๆ ไม่ชัดเจน ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ มีการเลิกทาส เริ่มมีความคิดนำกฎหมายอย่างประเทศตะวันตกมาใช้ จนกระทั่งปลายสมัยรัชกาลที่ ๖ จึงได้ยกเลิกกฎหมายตราสามดวงและนำประมวลกฎหมาย (Code Law) มาใช้แทน สมัยรัชกาลที่ ๗ ได้ประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๑ ถึงบรรพ ๔ และสมัยรัชกาลที่ ๘ ได้ประกาศใช้ บรรพ ๕ และบรรพ ๖ การยกร่างประมวลกฎหมายทั้งหกบรรพจึงเสร็จสมบูรณ์ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๓ ลักษณะ ๖ ว่าด้วยจ้างแรงงาน ได้วางแนวคิดและพื้นฐานให้คู่สัญญาแสดงเจตนาทำข้อตกลงบนพื้นฐานหลักเสรีภาพในการแสดงเจตนาที่เท่าเทียมกัน แต่นายจ้างส่วนใหญ่อาศัยความได้เปรียบของตนกำหนดให้ลูกจ้างเข้าทำสัญญาจ้างแรงงานตามที่นายจ้างกำหนดแต่ฝ่ายเดียว ด้วยเหตุนี้รัฐในฐานะผู้ปกครองจึงเข้าแทรกแซง รวมทั้งทำหน้าที่เป็นคนกลางคอยไกล่เกลี่ยความขัดแย้งเพื่อยุติปัญหาโดยสันติวิธี เครื่องมือที่รัฐจะใช้ในการสร้างสมดุลอำนาจต่อรองของนายจ้างกับลูกจ้าง คือ การออกกฎหมายคุ้มครองแรงงาน (Labour Protection Law) ขึ้นใช้บังคับเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานการใช้แรงงาน โดยวางมาตรฐานขั้นต่ำ (Minimum Standard) ในการใช้แรงงาน เพื่อให้ผู้ทำงานมีสุขภาพอนามัยที่ดี มีความปลอดภัยในชีวิตร่างกาย และได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรมตามสมควร ฝ่ายนายจ้างมีความมั่นคงของแรงงานไว้ใช้ในการผลิตหรือบริการที่คงสภาพในระยะยาว การศึกษาผู้วิจัยได้กำหนดหัวข้อในพิจารณาเกี่ยวกับการแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๒) และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยเปรียบเทียบกับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ประกอบแนวทางการให้ความคุ้มครองแรงงานตามมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ โดยกำหนดหัวข้อตามลำดับที่มีการแก้ไข คือ ลูกจ้างรับเหมาค่าแรง สัญญาจ้างที่นายจ้างได้เปรียบลูกจ้างเกินสมควร อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ ดอกเบี้ยค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า การเรียกหรือรับหลักประกัน ลำดับแห่งบุริมสิทธิ การล่วงเกินทางเพศต่อลูกจ้าง ลูกจ้างทดลองงาน การแจ้งการดำเนินการต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ กำหนดเวลาทำงาน การใช้แรงงานหญิง การใช้แรงงานหญิงมีครรภ์ การใช้แรงงานเด็ก ค่าล่วงเวลาและค่าล่วงเวลาในวันหยุดในงานเร่ขายหรือชักชวนซื้อสินค้า ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี เงินชดเชยกรณีนายจ้างจำเป็นต้องหยุดกิจการ การเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย การย้ายสถานประกอบกิจการ การฝ่าฝืนคำสั่งให้จ่ายเงินของพนักงานตรวจแรงงาน และสิทธิในการอุทธรณ์คำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน ผลการศึกษาพบว่า จากการแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๒) และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ มีทั้งข้อดีและข้อเสียซึ่งผู้วิจัยได้กล่าวไว้โดยละเอียดในบทที่ ๔ พร้อมสรุปและข้อเสนอแนะในการปรับปรุงกฎหมายคุ้มครองแรงงานแล้ว หวังว่างานวิจัยฉบับนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจกฎหมายคุ้มครองแรงงานอยู่บ้างตามสมควรรายการ การประกันภัยความรับผิดผู้ประกอบวิชาชีพศัลยแพทย์ : ศึกษาเฉพาะกรณีของศัลยแพทย์เสริมความงาม(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2552) มชิมา ราชกิจการศึกษาเรื่อง "การทำประกันภัยความรับผิดผู้ประกอบวิชาชีพศัลยแเพทย์เสริมความงาม : ศึกษาเฉพาะกรณีของศัลยแพทย์เสริมความงาม" โดยได้ศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายประกันภัยความรับผิดผู้ประกอบวิชาชีพศัลยแพทย์เสริมความงามกับต่างประทศ มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาวิจัยถึงความสำคัญของปัญหาอันเกี่ยวกับการกระทำเวชปฏิบัติของผู้ประกอบวิชาชีพศัลยแพทย์เสริมความงามแล้วเกิดความผิดพลาดทำให้ผู้ใช้บริการได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผู้ใช้บริการนำไปฟ้องเป็นคดี เพื่อให้ผู้ประกอบวิชาชีพศัลยแพทย์เสริมความงามต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนมากรายการ ปัญหากฎหมายเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ : ศึกษากรณีลูกหนี้ผู้ประกอบกิจการรายเดียวและกิจการห้างหุ้นส่วน(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2552) สานิต กระต่ายทองกฎหมายฟื้นฟูกิจการเป็นกฎหมายที่ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาทางการเงินของลูกหนี้ เมื่อลูกหนี้ไม่ว่าจะกิจการขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ประสบปัญหายุ่งยากทางการเงินแล้วย่อมชอบที่จะเลือกใช้กฎหมายฟื้นฟูกิจการเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาทางการเงินของตนได้ การศึกษา ปัญหากฎหมายเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ : ศึกษากรณีลูกหนี้ผู้ประกอบกิจการรายเดียวและกิจการห้างหุ้นส่วน เป็นการศึกษาให้ทราบถึงกระบวนการฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ผู้ประกอบกิจการรายเดียวและกิจการห้างหุ้นส่วนของต่างประเทศ เปรียบเทียบกับกฎหมายฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 ของไทย จากการศึกษาพบว่า กฎหมายฟื้นฟูกิจการของต่างประเทศให้โอกาสลูกหนี้ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลหากประกอบการค้าขายหรือประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจแล้ว ย่อมสามารถเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการได้ โดยไม่คำนึงถึงขนาดของกิจการหรือโครงสร้างทางกฎหมายของลูกหนี้ ส่วนกฎหมายฟื้นฟูกิจการตามกฎหมายไทยนั้นให้สิทธิลูกหนี้บางประเภทเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการได้รายการ ปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับสัญญาสัมปทาน : กรณีศึกษาโครงการโฮปเวลล์(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2552) วัลลภ มากุญชรบริการสาธารณะโดยเฉพาะด้านการจราจรเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประชาชนในการเดินทาง รัฐมีหน้าที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน แม้ว่าในปัจจุบันจะมีหน่วยงานภาครัฐวิสาหกิจ ไม่ว่าจะเป็นองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ, รถไฟฟ้ามหานคร หรือ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (มหาชน) จำกัด (บี.ที.เอส) หน่วยงานดังกล่าวก็ไม่อาจบริการได้เพียงพอ รวดเร็วทั่วถึง ทั้งนี้เนื่องจากพื้นที่ชั้นในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีจุดตัดระหว่างทางรถไฟกับถนนอยู่เป็นจำนวนมากก่อให้เกิดผลสียหายต่อระบบการขนส่งโดยรวม คือ ก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดตรงบริเวณจุดตัดของถนนกับทางรถไฟ ด้วยเหตุนี้ รัฐจึงจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการให้สัมปทานโครงการระบบขนส่งทางรถไฟและถนนยกระดับในเขตกรุงเทพมหานคร (โครงการโฮปเวลล์) ให้เอกชนดำเนินการตามความเป็นจริง แต่โดยที่โครงการดังกล่าวและเงื่อนไขของสัญญาสัมปทานขาดประสิทธิภาพและมาตรฐานต่ำ ขาดกฎหมายควบคุม กับทั้งรัฐยังไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจังเป็นรูปธรรมในลักษณะของการบริหารอย่างมืออาชีพเนื่องจากในขณะทำสัญญาศาลปกครองยังไม่เปิดดำเนินการจึงมีปัญหาไปสู่การพิจารณาว่าสถานะภาพทางกฎหมายสัญญาสัมปทานโครงการโฮปเวลล์เป็นสัญญาทางปกครองหรือไม่และการบอกเลิกสัญญาโดยคู่สัญญาฝ่ายรัฐชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ตลอดจนกระบวนการขั้นตอนระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่รายการ ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2552) ปฐมพงศ์ กามนต์วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงปัญหาการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และ พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 รวมทั้งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 การศึกษาปัญหาดังกล่าว เป็นการวิจัยเอกสาร โดยรวบรวมค้นคว้าข้อมูลจาก ตำรา เอกสารทางวิชาการ งานวิจัย วิทยานิพนธ์ บทความ วารสาร และสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เชิงคุณภาพโดยวิธีพรรณนาความ จากการศึกษาจะพบปัญหาการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับแรงงานคนต่างด้าวหลายประการ กล่าวคือ 1. การเข้าไปค้นในสถานที่ทำงาน 2. สินบนนำจับ 3. ค่าธรรมเนียมในการจ้างแรงงานต่างชาติ (Levy) 4. บทลงโทษและอัตราโทษ 5. กองทุนเพื่อการส่งกลับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองรายการ ปัญหาและอุปสรรคในการประกอบการของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือในประเทศไทย(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2552) เทพพิทักษ์ แสงกล้าโดยที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมีบทบาทที่สำคัญในการให้ข้อมูล ข่าวสารแก่นักลงทุนและสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นประโยชน์แก่นักลงทุนที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศใด หรือซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้แล้ว สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือยังทำหน้าที่ประการอื่น ได้แก่ การจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ (Sovereign Rating) การจัดอันดับความน่าเชื่อถือขององค์กร (Company Rating) การจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ (Issue Rating) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การจัดอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าวย่อมจะส่งผลต่อการตัดสินใจในการลงทุนในตราสารหนี้หรือหลักทรัพย์