บทความวิชาการ
URI ถาวรสำหรับคอลเล็กชันนี้
เรียกดู
กำลังเรียกดู บทความวิชาการ โดย เรื่อง "Design guidelines"
ตอนนี้กำลังแสดง1 - 3 ของ 3
ผลลัพธ์ต่อหน้า
ตัวเลือกเรียงลำดับ
รายการ การศึกษาเพื่อหาความหนาที่เหมาะสมสำหรับแผ่นพื้นไร้คานคอนกรีตอัดแรงโดยวิธีไฟไนท์อีลีเม้นท์แบบแผ่นสามมิติ(ACC5, 2552-10-21) สมชาย ตงอาภรณ์ และ ฉัตร สุจินดาบทคัดย่อ : บทความนี้นำเสนอการศึกษาเพื่อหาความหนาที่เหมาะสมสำหรับแผ่นพื้นไร้คานคอนกรีตอัดแรง โดยอาศัยข้อมูล ราคาต่อหน่วยของวัสดุคอนกรีต ลวดอัดแรง เหล็กเส้น แบบหล่อ และค่าแรงในประเทศไทย เพื่อนำมาทดลองออกแบบแผ่น พื้นที่ความหนา กำลังอัดประลัยของคอนกรีต และน้ำหนักบรรทุกจรต่างๆกัน โดยใช้โปรแกรม RAM Concept ซึ่งใช้วิธี วิเคราะห์ไฟไนท์อีลีเม้นท์แบบแผ่นสามมิติ มีกรณีศึกษาสำหรับการจัดเรียงตำแหน่งของเสาในพื้นทั้งหมด 6 กรณีคือ (1) กรณี ควบคุมสี่เหลี่ยมจัตุรัส (2) สี่เหลี่ยมผืนผ้าแปรเปลี่ยนอัตราส่วนด้านสั้นต่อด้านยาว (3) พื้นยื่น (4) ซิกแซก (5) พื้นเฉียง และ (6) ส่วนโค้ง จากนั้นได้นำผลของการออกแบบไปหาสมาการอย่างง่ายเพื่อใช้ทำนายความหนาที่เหมาะสม ที่ทำให้ราคาค่าก่อสร้าง รวมต่ำสุด เพื่อช่วยให้วิศวกรและผู้ที่สนใจสามารถนำไปประมาณราคา และเป็นแนวทางในการออกแบบ จากการศึกษาในครั้ง นี้ได้สมการทำนาย ซึ่งมีสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ อยู่ในช่วง 0.933 ถึr2ึง 0.996 ABSTRACT: The paper presents a study to determine optimal thicknesses for post-tensioned concrete flat slabs based on construction costs in Thailand including concrete, prestress cables, rebars, formworks and labors. The trial designs were performed for various parameters including thicknesses, concrete strengths and live loads. RAM Concept program based on 3-dimensional plate finite element analyses were used. There are six studied column layouts including (1) The Square control case (2) Rectangular varying short to long span ratios (3) Cantilever (4) Zigzag (5) Skew and (6) Curve. The results from the designs were used to determine the equations to predict optimum slab thicknesses which give the lowest total construction cost. This guideline could help engineers and other interested parties for preliminary design and the construction cost estimation. From this study, the predicting equations have correlation coefficient 2rthe between 0.933 and 0.996.รายการ การศึกษาเพื่อหาความหนาที่เหมาะสมสำหรับแผ่นพื้นไร้คานคอนกรีตอัดแรงโดยวิธีไฟไนท์อีลีเม้นท์แบบแผ่นสามมิติโดยใช้โปรแกรม CSI SAFE A Study of Optimal Thickness for Post-Tensioned Concrete Flat Slab using 3D Plate Finite Element using CSI SAFE Program(2555-03-01T04:44:04Z) ธนัญกรณ์ ต่อศิริสกุลวงศ์; ฉัตร สุจินดาบทความนี้เสนอถึงการศึกษาเพื่อหาความหนาที่เหมาะสมสำหรับแผ่นพื้นไร้คานคอนกรีตอัดแรง โดยอาศัยข้อมูล ราคาต่อหน่วยของวัสดุคอนกรีต ลวดอัดแรง เหล็กเส้น แบบหล่อ และค่าแรงในประเทศไทย เพื่อนำมาทดลองออกแบบแผ่นพื้นที่มีความหนา และน้ำหนักบรรทุกจรต่าง ๆ กัน โดยใช้โปรแกรม CSI SAFE ซึ่งวิเคราะห์ด้วยวิธีไฟไนท์อีลีเม้นท์แบบแผ่นสามมิติ มีกรณีศึกษาคือ สี่เหลี่ยมซึ่งมีอัตราส่วนด้านสั้นต่อด้านยาว 0.5 และ 1.0 น้ำหนักบรรทุกจร 200 และ 400 kg/m2 ระยะช่วงเสา 6 และ 9 m กำลังอัดประลัยคอนกรีต 35 MPa (357 kg/cm2) โดยมีข้อกำหนดให้เพิ่ม Drop Panel ตรงหัวเสาที่คอนกรีตไม่สามารถรับแรงเฉือนเจาะทะลุได้ จากนั้นได้นำผลการออกแบบไปหาสมการอย่างง่ายเพื่อใช้ทำนายความหนาที่เหมาะสม ที่ทำให้ราคาค่าก่อสร้างรวมต่ำสุด เพื่อช่วยให้วิศวกรและผู้ที่สนใจสามารถนำไปประมาณราคา และเป็นแนวทางในการออกแบบเบื้องต้นรายการ การศึกษาเพื่อหาความหนาที่เหมาะสมสำหรับแผ่นพื้นไร้คานคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยวิธีไฟไนท์อีลีเม้นท์แบบแผ่นสามมิติโดยใช้โปรแกรม CSI SAFE A Study to Determine Optimal Thickness for Reinforced Concrete Flat Slab using 3D Plate Finite Element using CSI SAFE Program(2555-03-01T04:54:48Z) ยอด ผลสงเคราะห์; ฉัตร สุจินดาบทความนี้นำเสนอการศึกษาเพื่อหาความหนาที่เหมาะสมสำหรับแผ่นพื้นไร้คานคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยอาศัยข้อมูล ราคาต่อหน่วยของวัสดุคอนกรีต เหล็กเส้น แบบหล่อ และค่าแรงในประเทศไทย เพื่อนำมาทดลองออกแบบแผ่นพื้น ที่มีความหนา และน้ำหนักบรรทุกจรต่างๆ กัน โดยใช้โปรแกรม CSI SAFE ซึ่งใช้วิธีวิเคราะห์ไฟไนท์อีลีเม้นท์แบบแผ่นสามมิติ มีกรณีศึกษาคือ สี่เหลี่ยมผืนผ้าแปรเปลี่ยนอัตราส่วนด้านสั้นต่อด้านยาว 0.50 0.75 และ 1.00 น้ำหนักบรรทุกจร 200 และ 400 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ระยะช่วงเสา 6 และ 8 เมตร และกำลังอัดประลัยคอนกรีต 320 กิโลกรัมต่อตารางเซ็นติเมตร จากนั้นได้นำผลของการออกแบบไปหาสมการอย่างง่ายเพื่อใช้ทำนายความหนาที่เหมาะสม ที่ทำให้ราคาค่าก่อสร้างรวมต่ำสุด เพื่อช่วยให้วิศวกรและผู้ที่สนใจสามารถนำไปประมาณราคา และเป็นแนวทางในการออกแบบ