CMU-02. บทความวิชาการ/วิจัย (วารสารระดับชาติ)
URI ถาวรสำหรับคอลเล็กชันนี้
เรียกดู
กำลังเรียกดู CMU-02. บทความวิชาการ/วิจัย (วารสารระดับชาติ) โดย เรื่อง "การสื่อสาร"
ตอนนี้กำลังแสดง1 - 2 ของ 2
ผลลัพธ์ต่อหน้า
ตัวเลือกเรียงลำดับ
รายการ การเล่าเรื่องผ่านพระราชนิพนธ์เพื่อนบ้านเอเชียใต้ตาม“พระสไตล์”เพื่อการสื่อสารปรัชญาสันติวิธี(วารสารสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค, 2567-07-10) วรรณี งามขจรกุลกิจ; นับทอง ทองใบการศึกษาพระราชนิพนธ์และการเรียนรู้สิ่งที่มีคุณค่าในพระราชนิพนธ์สารคดีท่องโลกกว้าง ของสมเด็จ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เป็นการเรียนรู้ “พระสไตล์” มุมมองที่มีต่อเรื่องเล่าต่างๆ และองค์ความรู้ในเรื่องบนฐานคิดและการจัดการในแนวทางสันติวิธี ทรงประยุกต์ใช้ความรู้วิชา ประวัติศาสตร์อย่างชาญฉลาด และสร้างความลงตัวให้กับการเรียนการสอนในแนวใหม่ พัฒนาศักยภาพ ทางความคิดอ่านให้รู้เท่าและรู้ทัน กลมกลืนกับกระแสปัจจุบันในการพัฒนาสังคมให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ในการเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ทรงไปพบเห็นในที่ต่างๆ ทั่วโลกในรูปแบบของหนังสือสารคดีท่องโลกกว้าง และทรงนำแนวทางสันติวิธีมาเป็นส่วนหนึ่งให้กับโลกทหาร เปิดทางให้กับการถกเถียงและยอมรับในความต่าง ความหลากหลายในทางสังคม ทรงเชิญชวนให้ผู้อ่านหากสงสัย มีคำถามเห็นด้วยไม่เห็นด้วยสามารถคุยกันด้วย หนังสือ รู้จักเป็นมิตรก็ด้วยหนังสือ การสนทนาโต้แย้งกันในหลักวิชาให้สติปัญญาเกิดแตกฉานขึ้นเป็นไปในทางสร้างสรรค์กับคนในชาติ เพื่อนบ้านและสังคมโลก ด้วยการศึกษาหรือพัฒนาหลักวิชาความรู้ให้กับตนเอง และนำไปพัฒนาผู้อื่นหรือสังคมต่อๆ ไป มิใช่การอาศัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์อำนาจเหนือธรรมชาติแต่ประการใด ซึ่งสาระหลักนี้คือ หลักคิดพื้นฐานของมนุษยนิยม และหากมีการนำไปพัฒนาอย่างแท้จริงให้เป็นส่วนหลักใหญ่ของผู้คนในสังคมแล้ว เชื่อว่าสังคมไทยย่อมจะก้าวไปสู่สังคมแห่งความรู้อุดมด้วยปัญญา เช่นเดียวกับสังคมที่มี ความเจริญก้าวหน้าทั้งหลายรายการ ปัจจัยทางจิตสังคมที่มีอิทธิพลต่อการคงอยู่ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ในมหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่ง(วารสารสังคมพัฒนศาสตร์, 2568-06) รัฐสภา แก่นแก้ว; วิภาพร ตัณฑสวัสดิ์การวิจัยนี้ เป็นวิจัยเชิงปริมาณ เพื่อศึกษาปัจจัยทางจิตสังคมที่มีอิทธิพลต่อการคงอยู่ของนักศึกษาชั้น ปีที่ 1 ในมหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่ง กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่ง จำนวน 211 คน ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิตามสัดส่วน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบวัดประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 6 ฉบับ มีค่าความเชื่อมั่นแบบสัมประสิทธิ่แอลฟาอยู่ระหว่าง .845 - .934 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยทางจิตสังคมที่มีอิทธิพลต่อการคงอยู่ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 มี 4 ปัจจัย โดยเรียงลำดับจากปัจจัยที่ส่งผลมากที่สุดไปหาปัจจัยที่ส่งผลน้อยที่สุด ได้แก่ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ทัศนคติที่ดีต่อหลักสูตร บทบาท ของอาจารย์ที่ปรึกษา และการสนับสนุนของครอบครัว โดยสามารถทำนายการคงอยู่ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ได้ ร้อยละ 66.7 จากผลการวิจัยมีข้อเสนอแนะว่า มหาวิทยาลัยควรจัดกิจกรรมหรือออกแบบหลักสูตรที่ท้าท้าย มีนโยบายการสร้างระบบการดูแลนักศึกษา หลักสูตรควรเปิดโอกาสให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นต่อการจัดการเรียนการสอน มีการพัฒนาอาจารย์ที่ปรึกษาให้มีทักษะการสื่อสารเพื่อให้คำปรึกษาด้านการวางแผนการเรียนและอาชีพ มีการส่งเสริมบทบาทของผู้ปกครองผ่านกิจกรรมพลังใจจากครอบครัว เพื่อสร้างความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการสนับสนุน การเรียนรู้ของนักศึกษา และพัฒนาช่องทางสื่อสารออนไลน์ระหว่างอาจารย์กับผู้ปกครอง เพื่อการดูแลนักศึกษา อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องจนสำเร็จการศึกษา