ACC-11. การค้นคว้าอิสระ/สารนิพนธ์
URI ถาวรสำหรับคอลเล็กชันนี้
เรียกดู
กำลังเรียกดู ACC-11. การค้นคว้าอิสระ/สารนิพนธ์ โดย ชื่อ
ตอนนี้กำลังแสดง1 - 20 ของ 426
ผลลัพธ์ต่อหน้า
ตัวเลือกเรียงลำดับ
รายการ กลยุทธ์การใช้บัญชีบริหารที่ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ในกรุงเทพมหานคร(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2565) วรดร ลิ้มสุวรรณนนท์การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากลยุทธ์การใช้บัญชีบริหารที่ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจมุมมองด้านการเงิน ด้านลูกค้า ด้านการดำเนินการภายใน และด้านการเรียนรู้และพัฒนาการของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพมหานคร โดยใช้แบบสอบถาม เป็นเครื่องมือในการศึกษาครั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีผู้จัดการฝ่ายบัญชี หัวหน้าแผนกบัญชี และพนักงานบัญชี ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพมหานคร จำนวน 364 คน สถิติที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ Multiple Regression Analysis ผลการศึกษาพบว่า 1) กลยุทฑธ์การใช้บัญชีบริหาร ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจมุมมองด้านการเงินของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพมหานคร 2) กลยุทธ์การใช้บัญชีบริหาร ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจมุมมองด้านลูกค้าของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพมหานคร 3) กลยุทธ์การใช้บัญชีบริหาร ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจมุมมองด้านการดำเนินการภายในของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพมหานคร 4) กลยุทธ์การใช้บัญชีบริหาร ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจมุมมองด้านการเรียนรู้และพัฒนาการ ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพมหานครรายการ การกำกับดูแลกิจการที่ดีที่มีผลต่อคุณภาพงบการเงิน ของธุรกิจ SMEs ในกรุงเทพมหานคร(หลักสูตรบัญชีมหาบัณฑิต คณะบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2560) พิสมัย ผิวอ่อนการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการกำกับดูแลกิจการที่ดีที่มีผลต่อคุณภาพงบการเงินของธุรกิจ SMEs ในกรุงเทพมหานคร เพื่อทดสอบการกำกับดูแลกิจการที่ดีที่มีผลต่อคุณภาพงบการเงินของธุรกิจ SMEs การศึกษาครั้งนี้เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีที่มีผลต่อคุณภาพงบการเงิน ของธุรกิจ SMEs ประกอบด้วย 7 ด้าน 1.ความซื่อสัตย์ 2.ความโปร่งใส 3. ความน่าเชื่อถือ 4. ความรับผิดชอบ 5. ความเป็นอิสระ 6. ความยุติธรรม 7. ความรับผิดชอบต่อสังคม จากการทดสอบ ของกลุ่มผู้บริหาร ทางด้านบัญชี จำนวนทั้งสิ้น 400 คน นำมาทดสอบสมมติฐานโดยให้การวิเคราะห์การ ถดถอยพหุคูณ พหุคูณ (Multiple Regressions Analysis) ผลการวิจัย พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมี อายุ 31 – 35 ปี สถานภาพโสด ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาปริญญาตรี มีประสบการณ์ในการทำงาน 15 ปี ขึ้นไป มีตำแหน่งงาน เป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชี ข้อมูลทั่วไปของธุรกิจ พบว่า รูปแบบธุรกิจ ส่วนใหญ่เป็นห้างหุ้นส่วน จำกัด รูปแบบธุรกิจมีการดำเนินการ มากกว่า 9 ปี มีจำนวนพนักงานส่วนใหญ่ 1 – 50 คน ธุรกิจมียอดขายต่อปีของกิจการ ส่วนใหญ่ 51 – 200 ล้านบาท ข้อมูลเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการพบว่า การกำกับดูแลกิจการ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้านโดยเรียงลำดับของค่าเฉลี่ย พบว่า มากที่สุดคือ ด้านความโปร่งใส รองลงมาคือ ความซื่อสัตย์ รองลงมาคือ ความเป็นอิสระ รองลงมาคือ ความยุติธรรม รองลงมาคือ ความรับผิดชอบต่อสังคม และความน่าเชื่อถือ ตามลำดับ ข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพงบการเงินของธุรกิจ SMEs ในกรุงเทพมหานคร พบว่า คุณภาพงบการเงินของธุรกิจ SMEs ในกรุงเทพมหานคร โดยภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้านโดยเรียงลำดับของค่าเฉลี่ย พบว่า มากที่สุดคือ ความเชื่อถือได้ รองลงมาคือ ด้านการตัดสินใจ รองลงมาคือด้านการเปรียบเทียบได้ และด้านความเข้าใจได้ตามลำดับ ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า การกำกับดูแลกิจการที่ดี มีผลต่อคุณภาพงบการเงินของธุรกิจ SMEs ในกรุงเทพมหานคร ด้านสามารถเข้าใจได้ ด้านเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ ด้านความเชื่อถือได้ และด้านการเปรียบเทียบรายการ การกำกับดูแลกิจการที่ดีและสัดส่วนของผู้ถือหุ้นนักลงทุนสถาบัน ที่มีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2562) สมเกียรติ์ สุวรรณงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการกำกับดูแลกิจการที่ดีและสัดส่วนของผู้ถือหุ้นนัก ลงทุนสถาบันที่มีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยใช้สูตรของทาโร ยามาเน่ (1973) ได้จำนวน 696 ตัวอย่าง เก็บข้อมูลจากแบบแสดงรายการ 56-1 ระหว่างปี 2560 - 2562 สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรเพื่อการ ทดสอบค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ และใช้การวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณเพื่อทดสอบสมมติฐานรายการ การกำกับดูแลกิจการที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงานของราคาหลักทรัพย์ของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2565) นัฏพร มโนรถพานิชการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงานและราคาหลักทรัพย์ของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยการกำกับดูแลกิจการ ประกอบด้วย ขนาดของคณะกรรมการบริษัท สัดส่วนของคณะกรรมการอิสระ สัดส่วนการถืหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ การควบรวมตำแหน่งของกรรมการผู้จัดการและประธานกรรมการ และการดำเนินงานวัดจากอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ (ROE) ราคาหลักทรัพย์วัดจากราคาปิดถัวเฉลี่ยของหุ้นสามัญ การศึกษาครั้งนี้เก็บข้อมูลจากรายงานประจำปี (56-1) และข้อมูลงบการเงิน ตั้งแต่ปี 2561-2563 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 47 บริษัท วิเคราะห์ข้อมูลโยใช้ การวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุ ในการทดสอบความสัมพันธ์ ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95รายการ การควบคุมบัญชีลูกหนี้โรงพยาบาลเอกชน กรณีศึกษา : โรงพยาบาลเมโย(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2566) กัลยารัตน์ อุ่ยอู่ทิพย์การค้นคว้าอิสระเรื่อง การควบคุมบัญชีลูกหนี้โรงพยาบาลเอกชน กรณีศึกษา : โรงพยาบาลเมโย มีวัตถุประสงค์ 4 ประการ คือ 1. เพื่อศึกาเกี่ยวกับนโยบายให้สินเชื่อและการควบคุมของโรงพยาบาลเมโย 2. เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการควบคุมบัญชีลูกหนี้ของโรงพยาบาลเมโย 3. เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการชำระเงินและการบันทึกบัญชีของโรงพยาบาลเมโย 4. เพื่อศึกษาเกี่ยวกับนโยบายตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของโรงพยาบาลเมโย เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสัมภาษณ์ เป็นการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผลการศึกษา พบว่า การควบคุมบัญชีลูกหนี้ของโรงพยาบาลเมโย มีข้อบกพร่องหลายประการ ในขั้นตอนกระบวนการทำงาน และเทคโนโลยีระบบสารสนเทศที่มีความล้าสมัย บุคลากรขาดความรู้ความเข้าใจ ต้องมีการเพิ่มระบบการตรวจสอบให้มีประสิทธิ์ภาพยิ่งขึ้นรายการ การควบคุมภายใน และการตรวจสอบทางการเงินส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของสำนักงานอัยการสูงสุด(Sripatum University, 2567) เนาวรัตน์ เทพรักษ์การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการควบคุมภายในส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของสำนักงานอัยการสูงสุด 2) เพื่อศึกษาการตรวจสอบทางการเงินส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของสำนักงานอัยการสูงสุด การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยตัวอย่าง คือ นักวิชาการเงินและบัญชี ในสำนักงานอัยการสูงสุด จำนวน 193 คน โดยกำหนดตัวอย่างโดยใช้สูตร ทาโร ยามาเน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความถี่ ส่วนเบื่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis)รายการ การควบคุมภายในตามกรอบแนวคิดของโคโซ่ (COSO) และการจัดการความเสี่ยงที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรหน่วยงานของรัฐในภาคเหนือตอนล่าง(Sripatum University, 2567) เบญญาภา วงศ์กองแก้วงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการควบคุมภายในตามกรอบแนวคิดของโคโซ่ (COSO) และการจัดการความเสี่ยงที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรหน่วยงานของรัฐในภาคเหนือตอนล่าง เป็นการวิจัยแบบเชิงปริมาณ (Quantitative Research) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามปลายเปิดและปลายปีด กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา จำนวน 400 คน การคำนวณกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรทาโร่ ยามาเน่ (Yamane, 1973) ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนารายการ การบริหารการเงินและบัญชี ที่มีผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากร กรมการเงินกลาโหม สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม(Sripatum University, 2567) หทัยชนก หนูกลับการศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการบริหารการเงินและบัญชีที่มีผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ของบุคลากร กรมการเงินกลาโหม สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เก็บรวบรวมข้อมูลกับ บุคลากรกรมการเงินกลาโหม สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จำนวน 162 ตัวอย่าง โดยใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์คือ สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความแปรปรวน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณรายการ การบริหารการเงินและบัญชีที่มีผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุลากรงานการเงินและบัญชี สังกัดกระทรวงพาณิชย์(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2565) อาภาวรรณ สงวนหงษ์งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการบริหารการเงินและบัญชีที่มีผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรงานการเงินและบัญชี สังกัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นการวิเคราะห์เชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ บุคลากรงานการเงินและบัญชี สังกัดกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 166 คน โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา เพื่อบรรยายลักษณะของข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถาม ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) เพื่อทดสอบสมมติฐาน ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.01 และ 0.05รายการ การบริหารความเสี่ยงของธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์มือสองในเขตอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์(2553) วิภาวดี ผกามาศการศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)ศึกษาลักษณะการดำเนินงานของธุรกิจเช่าซื้อรถมือสอง ในเขตอำเภอเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ 2)เพื่อศึกษาแนวโน้มเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจเช่าซื้อรถมือสอง ในเขตอำเภอเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ 3)เพื่อศึกษาระดับความเสี่ยงและขนาดของความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจเช่าซื้อรถมือสอง ในเขตอำเภอเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ 4)เพื่อศึกษาการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจเช่าซื้อรถมือสอง ในเขตอำเภอเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ 5)เพื่อหาแนวทางแก้ไขความเสี่ยงของธุรกิจเช่าซื้อรถมือสองให้ผู้ประกอบการได้ถูกต้อง ประชากรเป็นผู้จัดการหรือผู้มีอำนาจในการตัดสินใจในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์มือสอง ในเขตอำเภอเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย จำนวน 30 แห่ง แห่งละ 1 คน รวม 30 คนรายการ การบริหารรายได้และการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีผลต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2565) ประภาพร คำวิชัยการศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการบริหารรายได้และการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีผลต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค กลุ่มตัวอย่างจำนวน 59 บริษัท เก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างปี พ.ศ. 2561 - 2563 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา การวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธ์สหสัมพันธ์ เพื่อทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระ และใช้ในการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณเพื่อทดสอบสมมติฐานรายการ การบริหารสภาพคล่องที่ส่งผลต่อความเติบโตของกิจการ ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทย(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2565) สรทัต ศรีวิชชุพงษ์บทความวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์การบริหารสภาพคล่อง ได้แก่ ด้านการบริหารเงินสด และการบริหารเงินทุนหมุนเวียนที่ส่งผลต่อการเติบโตของกิจการ โดยมีกลุ้มตัวอย่างเป็นนักบัญชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทย การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้แบบทดสอบในการเก็บรวบรวมข้อมูล จำนวน 400 ชุด วิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถาม ผู้วิจัยได้นำข้อมูลมาทำการวิเคราะห์โดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติและใช้วิธีการทางสถิติแบบพรรณนา สถิติเชิงอนุมานสำหรับการทดสอบสมมติฐาน ในการแปลผลและนำเสนอ ผลการวิจัยว่าการบริหารสภาพคล่องอันได้แก่ ด้านการบริหารเงินสด และการบริหารเงินทุนหมุนเวียนส่งผลต่อความเติบโตของกิจการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 นักบัญชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุมากกว่า 30 -35 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาตรี และมีประสบการณ์ทำงาน 6 - 10 ปี โดยมีความคิดเห็นเกี่ยวกับ การบริหารสภาพคล่อง ได้แก่ ด้านการบริหารเงินสด และการบริหารเงินทุนหมุนเวียน ที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของกิจการ ได้แก่ การบริหารเงินสด ด้านการบริหารเงินทุน ด้านยอดขายและด้านกำไรสุทธิอยู่ในระดับมาก ส่งผลต่อการบริหารสภาพคล่องได้แก่ ด้านการบริหารเงินสดและการบริหารเเงินทุนหมุนเวียน ที่ส่งผลต่อการเติบโตของกิจการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05รายการ การบริหารสำนักงานบัญชีดิจิทัลที่ส่งผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบัติงานของสำนักงานบัญชีดิจิทัลในประเทศไทย(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2565) สิทธิชัย ทรัพย์แสนดีการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความสำเร็จด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 2) ศึกษาประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน 3) ศึกษาปัจจัยการบริหารสำนักงานบัญชีดิจิทัลที่ส่งผลต่อความสำเร็จด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และ 4) ศึกษาปัจจัยการบริหารสำนักงานบัญชีดิจิทัลที่ส่งผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน กลุ่มตัวอย่าง คือสำนักงานบัญชีที่จดทะเบียนนิติบุคคลกับกรมพัฒนาะุรกิจการค้า จำนวน 364 แห่ง ใช้วิธีการสุ่มแบบอย่างง่าย (Simple Random Sampling) และใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการวิเคราะห์ถดถอยแบบพหุคูณรายการ การปฏิบัติตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพตามมาตรฐานการตรวจเงินแผ่นดินที่มีผลต่อความสำเร็จในการปฏิบัติงานสอบบัญชีของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2565) มนัสนันท์ จารุรุ่งรัตน์การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการปฏิบัติตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพตามมารตรฐานการตรวจเงินแผ่นดินที่มีผลต่อความสำเร็จในการปฏิบัติงานสอบบัญชีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กลุ่มตัวอย่างเป็นนักวิชาการตรวจเงินแผ่นดินทุกระดับ (บัญชี) ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวน 332 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ วิเคราะห์สถิติเชิงพรรณนาด้วยวิธีการแจกแจงความถี่ ประกอบด้วย การหาค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และร้อยละ และใช้การวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณเพื่อทดสอบสมมติฐานรายการ การประยุกต์ใช้การบัญชีบริหารที่ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจ รับเหมาก่อสร้างในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2562) พียาภัทร พึ่งคล้ายการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการประยุกต์ใช้การบัญชีบริหารที่ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประชากรในการศึกษา คือ กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการโครงการ ผู้จัดการฝ่ายบัญชีการเงิน และพนักงานบัญชีการเงินของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กลุ่มตัวอย่างจำนวน 253 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณรายการ การประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการตรวจสอบภายในของมหาวิทยาลัยราชภัฏในเขตภาคกลาง(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2566) ประภาพรรณ ยะนาการศึกษาค้นคว้าอิสระเรื่อง การประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการตวจสอบภายในของมหาวิทยาลัยราชภัฎในเขตภาคกลาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการตรวจสอบภายในของมหาวิทยาลัยราชภัฎในเขตภาคกลาง โดยทำการศึกษาความคิดเห็นของพนักงานตรวจสอบภายในของมหาวิทยาลัยราชภัฎในเขตภาคกลาง เกี่ยวกับประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการตรวจสอบภายในแตกต่างกันตามปัจจัยส่วนบุคคล กลุ่มประชากรที่ศึกษา คือ พนักงานตรวจสอบภายในของมหาวิทยาลัยราชภัฎในเขตภาคกลาง จำนวน 101 คน และมีความพร้อมที่จะให้ข้อมูลเพื่อการศึกษา เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น ซึ่งมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 การเก็บรวบรวมข้อมูลผู้ศึกษาแจก และรับแบบสอบถามคืนด้วยตัวเองและทางไปรษณีย์จากกลุ่มประชากร การวิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบสมมติฐานของกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม ที่อิสระจากกัน (t-test for Inderpendent Samples) และการวิเคราะห์การผันแปรทางเดียว (F-test One Way Analysis of Variance)รายการ การพัฒนาความรู้และทักษะทางวิชาชีพส่งผลต่อคุณภาพงานสอบบัญชีของผู้ตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(Sripatum University, 2567) ผาณิตา สันติสุขงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการพัฒนาความรู้ ที่ส่งผลเชิงบวกต่อคุณภาพงานสอบบัญชี ของผู้ตรวจสอบการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และ 2) เพื่อศึกษาทักษะทางวิชาชีพสอบบัญชีที่ส่งผลเชิงบวกต่อคุณภาพงานสอบบัญชี ของผู้ตรวจสอบการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) เครื่องมือในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม โดยมีประชากร คือ ผู้ปฏิบัติงานตรวจสอบงบการเงินในสังกัดสำนักตรวจสอบการเงินและบริหารพัสดุที่ 1 - 24 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรายการ การพัฒนาศักยภาพที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการสอนในศตวรรษที่ 21 ของครูผู้สอนบัญชี สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ภาครัฐ(Sripatum University, 2566) จารึก ศรีนาคงานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการพัฒนาศักยภาพที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการสอนในศตวรรษที่ 21 ของครูผู้สอนบัญชี สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ภาครัฐ โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นครูแผนกบัญชี ในสังกัดอาชีวศึกษา ภาครัฐ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณผู้วิจัยใช้แบบสอบถามในการรวบรวมข้อมูลรายการ การพัฒนาและสมรรถนะของนักบัญชีที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของสำนักงานบัญชีภาคใต้(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2567) จิรวดี ไหมทองการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา การพัฒนาและสมรรถนะของนักบัญชีที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของสำนักงานบัญชีในเขตภาคใต้ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักบัญชีที่ทำงานในสำนักงานบัญชีภาคใต้ จำนวน 186 แห่ง ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบอย่างง่าย จากการคำนวณหาขนาดของกลุ่มตัวอย่างด้วยสูตรของทาโร่ ยามาเน่ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุคูณรายการ การรับรู้ถึงประโยชน์ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้โปรแกรมซอร์ฟแวร์บัญชี ของสำนักงานบัญชีไทย(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2565) นพสร ทานะขันการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการรับรู้ถึงประโยชน์ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้โปรแกรมซอร์ฟแวร์บัญชีของสำนักงานบัญชีไทย ตัวอย่างในงานวิจัยนี้เป็นผู้ทำบัญชีในสำนักบัญชีที่จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในเขตกรุงเทพและนนทบุรี สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีสุ่มอย่างง่าย ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้จำนวน 369 ชุด ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาโดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานการวิจัยด้วยการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุคูณ ผลการทดสอบสมมติฐานการวิจัยพบว่าการรับรู้ถึงประโยชน์ ได้แก่ ด้านทัศนคติ ความคาดหวังต่อประสิทธิภาพของระบบซอร์ฟแวร์ และความง่ายของการใช้งานส่งผลเชิงบวกต่อการตัดสินใจเลือกใช้โปรแกรมซอร์ฟแวร์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05