ปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับความผิดการทุจริต ศึกษากรณี:ผลประโยชน์ทับซ้อนของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง
dc.contributor.author | ณัฐพสิษฐ์ เอกมฤเคนทร์ | en_US |
dc.date.accessioned | 2554-09-15T03:40:26Z | |
dc.date.available | 2554-09-15T03:40:26Z | |
dc.date.issued | 2554-09-15T03:40:26Z | |
dc.description.abstract | เมื่อบุคคลผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองนั้นมีความเกี่ยวข้องกับภารกิจที่สาคัญของประเทศ อันได้แก่ การใช้อานาจรัฐหรืออานาจทางการเมือง (Political power) ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน การตัดสินใจใช้อานาจในตาแหน่งหน้าที่ของบุคคลผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองดังกล่าวจึงควรจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก ไม่ใช่กระทาเพื่อประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง อันมีลักษณะเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวม หรือที่เรียกว่า “ผลประโยชน์ทับซ้อน” และจากการที่บุคคลดังกล่าวเป็นตัวแทนของผลประโยชน์สาธารณะและของประชาชนซึ่งได้มาจากการคัดเลือกไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม กฎหมายที่จะใช้ในการตรวจสอบการใช้อานาจในตาแหน่งหน้าที่ของบุคคลผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองดังกล่าว ก็ควรจะต้องมีความชัดเจนแน่นอนรวมทั้งเชื่อมโยงเป็นระบบและมีจุดเกาะเกี่ยวให้ประชาชนโดยทั่วไปได้มีช่องทางในการตรวจสอบการใช้อานาจของบุคคลดังกล่าวได้ แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ โดยบทบัญญัติของกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันไม่ได้มีพระราชบัญญัติที่ใช้บังคับโดยตรงเกี่ยวกับการกระทาที่เป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ส่วนรวมของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง และประชาชนโดยทั่วไปยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบการใช้อานาจของบุคคลดังกล่าวได้ แต่รัฐใช้วิธีการให้สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นตัวแทนของรัฐในการตรวจสอบผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองในการใช้อานาจในตาแหน่งหน้าที่ให้กระทาการโดยสุจริตดังนั้นจากสภาพปัญหาดังกล่าวผู้ศึกษาเห็นว่าบทบัญญัติของกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันไม่ได้กาหนดถึงความชัดเจนของตัวบุคคลผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองที่จะต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ข้อห้ามของการกระทาเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดขึ้นของการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ส่วนรวม และความไม่สอดคล้องกันของบทบัญญัติว่าด้วยการกระทาที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามที่กาหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 267 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 100 (4) และขอบอานาจในการดาเนินคดีอาญากับผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และประชาชนโดยทั่วไป รวมทั้งการเปิดเผยทรัพย์สินของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองต่อสาธารณชน และองค์กรหลักที่จะบังคับให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับการป้องกันการเกิดขึ้นของการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ส่วนรวมอันเนื่องมากจากการใช้อานาจในตาแหน่งหน้าที่สาธารณะเพราะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีภาระหน้าที่จานวนมากไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง ผู้ศึกษาเห็นว่าควรมีการจัดทาพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างโยชน์ส่วนบุคคลและผลประโยชน์ส่วนรวมของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งจะมีการจัดตั้งหน่วยงานเพิ่มเติมที่จะให้คาปรึกษาแก่ผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่รัฐในเรื่องที่เกี่ยวกับการกระทาที่อาจก่อให้เกิดการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม และสามารถใช้คาวินิจฉัยดังกล่าวเป็นแนวทางในการดาเนินการได้โดยปราศจากการความรับผิดที่เกิดขึ้นในอนาคต | en_US |
dc.identifier.uri | https://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/2622 | |
dc.subject | ปัญหากฎหมาย | en_US |
dc.subject | การทุจริต | en_US |
dc.subject | ผลประโยชน์ทับซ้อน | en_US |
dc.subject | ผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง | en_US |
dc.title | ปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับความผิดการทุจริต ศึกษากรณี:ผลประโยชน์ทับซ้อนของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง | en_US |
dc.type | Thesis | en_US |
ไฟล์
ชุดต้นฉบับ
1 - 5 ของ 11
กำลังโหลด...
- ชื่อ:
- 2abstract.pdf
- ขนาด:
- 147.94 KB
- รูปแบบ:
- Adobe Portable Document Format
- คำอธิบาย:
มัดใบอนุญาต
1 - 1 ของ 1
ไม่มีรูปขนาดย่อ
- ชื่อ:
- license.txt
- ขนาด:
- 1.72 KB
- รูปแบบ:
- Item-specific license agreed upon to submission
- คำอธิบาย: