ปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับสัญญาเช่าซื้อเครื่องจักรกล

กำลังโหลด...
รูปภาพขนาดย่อ

วันที่

2565

ชื่อวารสาร

วารสาร ISSN

ชื่อหนังสือ

สำนักพิมพ์

มหาวิทยาลัยศรีปทุม

เชิงนามธรรม

วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะศึกษาและวิเคราะห์ถึงปัญหาสัญญาเช่าซื้อเครื่องจักรกลในประเทศไทย ซึ่งมีปัญหาทางกฎหมายในเรื่องการทำสัญญาที่มักจะเกิดความไม่เป็นธรรมต่อฝ่ายผู้เช่าซื้อเนื่องจากสัญญาที่จัดทำขึ้นนั้นมีลักษณะเป็นสัญญามาตรฐานสำเร็จรูป (Standard Form Contract) ทำให้ผู้เช่าซื้อไม่สามารถเจรจาต่อรองได้และพบปัญหาในบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยลักษณะเช่าซื้อที่มีช่องว่างทางกฎหมายอยู่มาก จากการศึกษาพบว่า กฎหมายว่าด้วยลักษณะเช่าซื้อที่ใช้บังคับในปัจจุบันของประเทศไทยนั้นมีความล้าหลัง เนื่องจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 เอกเทศสัญญา ลักษณะ 5 เช่าซื้อ บัญญัติไว้เพียง 3 มาตราเท่านั้น อันได้แก่ มาตรา 572-574 ทั้งนี้กฎหมายดังกล่าวได้มีการชำระปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2472 และใช้บังคับมาจนมาถึงปัจจุบัน ในทางปฏิบัติศาลจึงเห็นว่าบทบัญญัติว่าด้วยสัญญาเช่าซื้อที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอต่อการใช้บังคับ จึงได้นำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในลักษณะอื่น ๆ มาใช้บังคับในฐานะกฎหมายใกล้เคียงอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยเรื่องเช่าทรัพย์และกฎหมายว่าด้วยเรื่องซื้อขายเพื่อมาอุดช่องว่างทางกฎหมายที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อได้มีการนำบทบัญญัติของกฎหมายต่าง ๆ มาปรับใช้แล้วก็ยังคงมีปัญหาการใช้บังคับเกิดขึ้นอยู่ ทั้งนี้เนื่องจากสภาพของประเทศไทยในปัจจุบันมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ประกอบกับสภาพปัญหาที่ผู้ให้เช่าซื้อมีฐานะทางการเงินและอำนาจต่อรองเหนือกว่าผู้เช่าซื้อ ผู้ให้เช่าซื้อจึงเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขและข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อไว้ล่วงหน้าในรูปแบบของสัญญาสำเร็จรูปได้โดยผู้เช่าซื้อไม่มีอำนาจในการต่อรองหรือโต้แย้งถึงสิทธิและหน้าที่ของผู้เช่าซื้อใด ๆ อีกทั้งหากเมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ เมื่อมีการนำคดีขึ้นสู่ศาล ผู้เช่าซื้อมักจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่เสมอ เนื่องจากข้อกำหนดในสัญญาเช่าซื้อเป็นข้อกำหนดตามแบบมาตรฐาน (Standard Form Contract) ที่ฝ่ายผู้ให้เช่าซื้อเป็นผู้ตั้งข้อกำหนดต่าง ๆ ไว้ในสัญญา โดยปราศจากการเจรจาต่อรองใด ๆ จากฝ่ายผู้เช่าซื้อ อันเป็นการขัดต่อหลักเสรีภาพของการแสดงเจตนาเข้าทำสัญญา (Freedom of Contract) ดังนั้น ผู้เขียนจึงมีข้อเสนอแนะว่า ควรมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสัญญาเช่าซื้อเครื่องจักรกลขึ้นเพื่อความชัดเจนและใช้บังคับได้กับทรัพย์สินอื่นที่มีความใกล้เคียงกับเครื่องจักรกล โดยกฎหมายควรจะกำหนดเป็นสัญญาเช่าเผื่อซื้อ เพื่อเป็นสิทธิแก่ผู้เช่าเผื่อซื้อที่จะเลือกรับโอนกรรมสิทธิ์ไปเมื่อชำระค่าเช่าเผื่อซื้อครบทุกงวดตามที่ได้ตกลงไว้ในสัญญานี้หรือไม่ก็ได้ สัญญาในลักษณะที่ผู้เขียนเสนอนี้จะยังให้เกิดความยืดหยุ่นเหมาะสมกับสภาพของธุรกิจที่จะต้องมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรกลให้ทันสมัย เพื่อตอบสนองเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งจะส่งเสริมให้ฝ่ายผู้ที่มีเครื่องจักรกลสามารถประกอบธุรกิจให้เช่าเผื่อซื้อเครื่องจักรกลได้มากขึ้นและสะดวกกว่าการขายขาดเครื่องจักรกล สัญญาเช่าเผื่อซื้อนี้จะยังผลลัพธ์ที่ดีกว่าการทำสัญญาเช่าซื้อ ตามปกติที่เมื่อมีการชำระค่าเช่าซื้อครบทุกงวดแล้ว กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่เช่าซื้อก็จะโอนไปยังผู้เช่าซื้อทันที โดยผลของกฎหมายจึงไม่เปิดช่องที่จะเลือก เปลี่ยนเป็น เครื่องจักรกลรุ่นใหม่แทนเครื่องจักรกลตัวที่ทำสัญญาเช่าซื้อได้ และต้องลงทุนอีกมากหากต้องการเปลี่ยนเป็นเครื่องจักรกลรุ่นใหม่กว่า สัญญาเช่าเผื่อซื้อจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คู่สัญญาสามารถตกลงเข้าทำสัญญากันได้ตามหลักความศักดิ์สิทธิ์ในการแสดงเจตนา และเหมาะสมกับสภาพของการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน

คำอธิบาย

คำหลัก

สัญญาเช่าซื้อ, สัญญาเช่าซื้อเครื่องจักรกล, เครื่องจักร

การอ้างอิง

ชัยวัฒน์ เงาะปก. 2564. "ปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับสัญญาเช่าซื้อเครื่องจักรกล." วิทยานิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิต กลุ่มวิชากฎหมายธุรกิจ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม.