มาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน: ศึกษากรณีนิติบุคคลที่ประกอบอาชีพค้าอัญมณีและทองคำ
dc.contributor.author | อุมาพร แก้วศักดาศิริ | en_US |
dc.date.accessioned | 2018-12-22T08:09:51Z | |
dc.date.available | 2018-12-22T08:09:51Z | |
dc.date.issued | 2561 | |
dc.description | นิติศาสตรมหาบัณฑิต กลุ่มวิชากฎหมายธุรกิจ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม | en_US |
dc.description.abstract | สารนิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการฟอกเงินผ่านนิติบุคคลที่ประกอบอาชีพค้าอัญมณีและทองคำ รวมถึงมาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของประเทศไทยเปรียบเทียบกับต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ประเทศอังกฤษ และประเทศออสเตรเลีย ประกอบกับข้อแนะนำของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงิน (Financial Action Task Force: FATF)โดยวิเคราะห์ปัญหาและผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวที่มีต่อนิติบุคคลที่ประกอบอาชีพค้าอัญมณีและทองคำ เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนามาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากการศึกษาพบว่า พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2558) ได้กำหนดให้นิติบุคคลที่ประกอบอาชีพค้าอัญมณีและทองคำมีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรม จัดให้ลูกค้าแสดงตน (Know Your Customer: KYC) และตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (Customer Due Diligence: CDD) อย่างไรก็ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมิได้กำหนดนิยามของนิติบุคคลที่ประกอบอาชีพค้าอัญมณีและทองคำไว้ ทำให้เกิดปัญหาการตีความที่แตกต่างกัน ส่งผลให้เกิดความไม่ชัดเจนว่าผู้ใดบ้างเป็นผู้ที่มีหน้าที่ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าว อีกทั้งกฎกระทรวงกำหนดธุรกรรมที่สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ต้องจัดให้ลูกค้าแสดงตน พ.ศ. 2559 ข้อ 3 ข้อ 5 และกฎกระทรวงการตรวจสอบ เพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า สำหรับผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 วรรคหนึ่ง (2) (3) (4) (5) (6) (7) (8) และ (10) พ.ศ. 2559 ข้อ 2 ข้อ 17 ได้กำหนดลักษณะของผู้ที่ทำธุรกรรมกับนิติบุคคลที่ประกอบอาชีพค้าอัญมณีและทองคำไว้ 2 ประเภท คือ ลูกค้าและผู้ที่ทำธุรกรรมเป็นครั้งคราว ซึ่งสร้างความสับสนในการปฏิบัติตามกฎหมาย เนื่องจากในทางธุรกิจการค้าของผู้ประกอบอาชีพดังกล่าว ต่างเรียกผู้ที่ทำธุรกรรมกับตนว่าลูกค้า นอกจากนี้ หลักเกณฑ์การจัดให้ลูกค้าแสดงตน และตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า ซึ่งแตกต่างจากข้อแนะนำของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงิน นั้น เป็นการสร้างภาระแก่นิติบุคคลที่ประกอบอาชีพค้าอัญมณีและทองคำรายย่อย และประชาชนที่เกี่ยวข้องเกินสมควร | en_US |
dc.description.sponsorship | หลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต กลุ่มวิชากฎหมายธุรกิจ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม | en_US |
dc.identifier.citation | อุมาพร แก้วศักดาศิริ. 2561. "มาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน: ศึกษากรณีนิติบุคคลที่ประกอบอาชีพค้าอัญมณีและทองคำ." สารนิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิต กลุ่มวิชากฎหมายธุรกิจ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม. | en_US |
dc.identifier.uri | https://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/5793 | |
dc.language.iso | th | en_US |
dc.publisher | มหาวิทยาลัยศรีปทุม | en_US |
dc.relation.ispartofseries | SPU_อุมาพร แก้วศักดาศิริ_T182451 | en_US |
dc.subject | มาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน | en_US |
dc.subject | นิติบุคคลที่ประกอบอาชีพค้าอัญมณีและทองคำ | en_US |
dc.title | มาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน: ศึกษากรณีนิติบุคคลที่ประกอบอาชีพค้าอัญมณีและทองคำ | en_US |
dc.title.alternative | LEGAL MEASURES ON ANTI-MONEY LAUNDERING: A CASE STUDY OF LEGAL ENTITIES IN TRADING OF JEWELERY AND GOLD | en_US |
dc.type | Other | en_US |
ไฟล์
ชุดต้นฉบับ
1 - 5 ของ 14
มัดใบอนุญาต
1 - 1 ของ 1
ไม่มีรูปขนาดย่อ
- ชื่อ:
- license.txt
- ขนาด:
- 1.71 KB
- รูปแบบ:
- Item-specific license agreed upon to submission
- คำอธิบาย: