มาตรการอื่นแทนการลงโทษจำคุกในคดียาเสพติด: ศึกษากรณีการรอการลงโทษผู้เสพยาเสพติด

dc.contributor.authorพรเทพ เอียดแก้วen_US
dc.date.accessioned2562-01-12T07:01:33Z
dc.date.available2019-01-12T07:01:33Z
dc.date.issued2560
dc.descriptionนิติศาสตรมหาบัณฑิต กลุ่มวิชากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุมen_US
dc.description.abstractสารนิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงแนวทางในการเบี่ยงเบนผู้เสพยาเสพติด ซึ่งถือว่าเป็น “ผู้ป่วย” ให้ออกจากกระบวนการยุติธรรมกระแสหลัก หลีกเลี่ยงการลงโทษจำคุกในระยะสั้น โดยหันมาใช้มาตรการอื่นแทนการลงโทษจำคุก (Alternativeto Imprisonment) ในความผิดฐานเสพยาเสพติด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิดได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการลดจำนวนผู้ต้องราชทัณฑ์ในเรือนจำที่ปัจจุบันมีผู้ต้องราชทัณฑ์ในคดีเสพยาเสพติดมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ต้องราชทัณฑ์คดียาเสพติดทั้งหมด จากการศึกษาพบว่า อนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 และพิธีสารแก้ไข ค.ศ. 1972 อนุสัญญาว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ค.ศ. 1971 และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ค.ศ. 1988 มุ่งเน้นที่จะให้ประเทศภาคีบัญญัติกฎหมายภายในประเทศ โดยกำหนดให้ “การลักลอบค้า” ยาเสพติดเป็นความผิดจะต้องได้รับการลงโทษจำคุกเมื่อได้กระทำโดยเจตนา ซึ่งไม่ได้หมายความรวมถึงผู้เสพยาเสพติดด้วย ทั้งยังแนะนำให้ประเทศภาคีกำหนดให้มีการเปลี่ยนแปลงบทลงโทษหันมาใช้มาตรการอื่นแทนการลงโทษแก่ผู้เสพยาเสพติด เพื่อให้การบำบัดรักษา การศึกษา การดูแลภายหลังการบำบัดรักษา การฟื้นฟูสมรรถภาพ หรือการให้กลับไปอยู่ในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผู้ติดยาเสพติด” (Addict) ซึ่งมีลักษณะเป็น “ผู้ป่วย” อย่างไรก็ดี ประเทศไทยเองได้มีการบัญญัติกฎหมายอาญาภายในประเทศให้นำการรอการลงโทษมาใช้เป็นมาตรการอื่นแทนการลงโทษจำคุกสำหรับความผิดเล็กน้อยซึ่งรวมถึงความผิดฐานเสพยาเสพติดด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศทั้งสามฉบับดังกล่าวไว้เช่นเดียวกันแต่อย่างไรก็ตาม กลับพบว่าการรอการลงโทษดังกล่าวมีเงื่อนไขที่ไม่เหมาะสมและไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด ทำให้ที่ผ่านมามีผู้เสพยาเสพติดเป็นจำนวนมากต้องถูกลงโทษจำคุกโดยเฉพาะผู้กระทำความผิดซ้ำซึ่งเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ทั้งนี้ ด้วยเงื่อนไขการรอการลงโทษมุ่งเน้นที่จะให้โอกาสแก่ผู้กระทำความผิดเป็นครั้งแรก หรือเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนแต่เป็นเพียงความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ หรือเป็นเพียงโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน เท่านั้น หากมีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของการรอการลงโทษให้มีความเหมาะสมกับลักษณะและสภาพความผิดของคดียาเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดฐานเสพยาเสพติดก็สามารถนำการรอการลงโทษซึ่งมีมาตรการหรือเงื่อนไขเพื่อควบคุมความประพฤติไว้อย่างเหมาะสม เช่น การให้ไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงาน การให้ไปรับการบำบัดรักษาการติดยาเสพติด การห้ามออกนอกสถานที่อยู่อาศัยโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องควบคุมมาใช้เป็นมาตรการอื่นแทนการลงโทษจำคุกในคดีเสพยาเสพติดได้ดังนั้น เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายยาเสพติดในประเทศไทยสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินการด้านยาเสพติดของอนุสัญญาระหว่างประเทศทั้งสามฉบับดังกล่าว การนำการรอการลงโทษตามกฎหมายอาญาทั่วไปมาใช้เป็นมาตรการอื่นแทนการลงโทษจำคุกของผู้เสพยาเสพติดเช่นเดียวกับต่างประเทศ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการบังคับใช้กฎหมายยาเสพติดของประเทศไทยในกรณีของผู้เสพยาเสพติด จากการศึกษาวิจัยสรุปได้ว่า มาตรการอื่นแทนการลงโทษสำหรับผู้เสพยาเสพติดของประเทศไทยนั้น ยังไม่เหมาะสมและมีสารนิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงแนวทางในการเบี่ยงเบนผู้เสพยาเสพติด ซึ่งถือว่าเป็น “ผู้ป่วย” ให้ออกจากกระบวนการยุติธรรมกระแสหลัก หลีกเลี่ยงการลงโทษจำคุกในระยะสั้น โดยหันมาใช้มาตรการอื่นแทนการลงโทษจำคุก (Alternativeto Imprisonment) ในความผิดฐานเสพยาเสพติด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิดได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการลดจำนวนผู้ต้องราชทัณฑ์ในเรือนจำที่ปัจจุบันมีผู้ต้องราชทัณฑ์ในคดีเสพยาเสพติดมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ต้องราชทัณฑ์คดียาเสพติดทั้งหมด จากการศึกษาพบว่า อนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 และพิธีสารแก้ไข ค.ศ. 1972 อนุสัญญาว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ค.ศ. 1971 และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ค.ศ. 1988 มุ่งเน้นที่จะให้ประเทศภาคีบัญญัติกฎหมายภายในประเทศ โดยกำหนดให้ “การลักลอบค้า” ยาเสพติดเป็นความผิดจะต้องได้รับการลงโทษจำคุกเมื่อได้กระทำโดยเจตนา ซึ่งไม่ได้หมายความรวมถึงผู้เสพยาเสพติดด้วย ทั้งยังแนะนำให้ประเทศภาคีกำหนดให้มีการเปลี่ยนแปลงบทลงโทษหันมาใช้มาตรการอื่นแทนการลงโทษแก่ผู้เสพยาเสพติด เพื่อให้การบำบัดรักษา การศึกษา การดูแลภายหลังการบำบัดรักษา การฟื้นฟูสมรรถภาพ หรือการให้กลับไปอยู่ในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผู้ติดยาเสพติด” (Addict) ซึ่งมีลักษณะเป็น “ผู้ป่วย” อย่างไรก็ดี ประเทศไทยเองได้มีการบัญญัติกฎหมายอาญาภายในประเทศให้นำการรอการลงโทษมาใช้เป็นมาตรการอื่นแทนการลงโทษจำคุกสำหรับความผิดเล็กน้อยซึ่งรวมถึงความผิดฐานเสพยาเสพติดด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศทั้งสามฉบับดังกล่าวไว้เช่นเดียวกันแต่อย่างไรก็ตาม กลับพบว่าการรอการลงโทษดังกล่าวมีเงื่อนไขที่ไม่เหมาะสมและไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด ทำให้ที่ผ่านมามีผู้เสพยาเสพติดเป็นจำนวนมากต้องถูกลงโทษจำคุกโดยเฉพาะผู้กระทำความผิดซ้ำซึ่งเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ทั้งนี้ ด้วยเงื่อนไขการรอการลงโทษมุ่งเน้นที่จะให้โอกาสแก่ผู้กระทำความผิดเป็นครั้งแรก หรือเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนแต่เป็นเพียงความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ หรือเป็นเพียงโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน เท่านั้น หากมีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของการรอการลงโทษให้มีความเหมาะสมกับลักษณะและสภาพความผิดของคดียาเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดฐานเสพยาเสพติดก็สามารถนำการรอการลงโทษซึ่งมีมาตรการหรือเงื่อนไขเพื่อควบคุมความประพฤติไว้อย่างเหมาะสม เช่น การให้ไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงาน การให้ไปรับการบำบัดรักษาการติดยาเสพติด การห้ามออกนอกสถานที่อยู่อาศัยโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องควบคุมมาใช้เป็นมาตรการอื่นแทนการลงโทษจำคุกในคดีเสพยาเสพติดได้ดังนั้น เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายยาเสพติดในประเทศไทยสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินการด้านยาเสพติดของอนุสัญญาระหว่างประเทศทั้งสามฉบับดังกล่าว การนำการรอการลงโทษตามกฎหมายอาญาทั่วไปมาใช้เป็นมาตรการอื่นแทนการลงโทษจำคุกของผู้เสพยาเสพติดเช่นเดียวกับต่างประเทศ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการบังคับใช้กฎหมายยาเสพติดของประเทศไทยในกรณีของผู้เสพยาเสพติด จากการศึกษาวิจัยสรุปได้ว่า มาตรการอื่นแทนการลงโทษสำหรับผู้เสพยาเสพติดของประเทศไทยนั้น ยังไม่เหมาะสมและมีจะต้องได้รับการลงโทษจำคุกเมื่อได้กระทำโดยเจตนา ซึ่งไม่ได้หมายความรวมถึงผู้เสพยาเสพติดด้วย ทั้งยังแนะนำให้ประเทศภาคีกำหนดให้มีการเปลี่ยนแปลงบทลงโทษหันมาใช้มาตรการอื่นแทนการลงโทษแก่ผู้เสพยาเสพติด เพื่อให้การบำบัดรักษา การศึกษา การดูแลภายหลังการบำบัดรักษา การฟื้นฟูสมรรถภาพ หรือการให้กลับไปอยู่ในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผู้ติดยาเสพติด” (Addict) ซึ่งมีลักษณะเป็น “ผู้ป่วย” อย่างไรก็ดี ประเทศไทยเองได้มีการบัญญัติกฎหมายอาญาภายในประเทศให้นำการรอการลงโทษมาใช้เป็นมาตรการอื่นแทนการลงโทษจำคุกสำหรับความผิดเล็กน้อยซึ่งรวมถึงความผิดฐานเสพยาเสพติดด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศทั้งสามฉบับดังกล่าวไว้เช่นเดียวกันแต่อย่างไรก็ตาม กลับพบว่าการรอการลงโทษดังกล่าวมีเงื่อนไขที่ไม่เหมาะสมและไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด ทำให้ที่ผ่านมามีผู้เสพยาเสพติดเป็นจำนวนมากต้องถูกลงโทษจำคุกโดยเฉพาะผู้กระทำความผิดซ้ำซึ่งเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ทั้งนี้ ด้วยเงื่อนไขการรอการลงโทษมุ่งเน้นที่จะให้โอกาสแก่ผู้กระทำความผิดเป็นครั้งแรก หรือเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนแต่เป็นเพียงความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ หรือเป็นเพียงโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน เท่านั้น หากมีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของการรอการลงโทษให้มีความเหมาะสมกับลักษณะและสภาพความผิดของคดียาเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดฐานเสพยาเสพติดก็สามารถนำการรอการลงโทษซึ่งมีมาตรการหรือเงื่อนไขเพื่อควบคุมความประพฤติไว้อย่างเหมาะสม เช่น การให้ไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงาน การให้ไปรับการบำบัดรักษาการติดยาเสพติด การห้ามออกนอกสถานที่อยู่อาศัยโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องควบคุมมาใช้เป็นมาตรการอื่นแทนการลงโทษจำคุกในคดีเสพยาเสพติดได้ดังนั้น เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายยาเสพติดในประเทศไทยสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินการด้านยาเสพติดของอนุสัญญาระหว่างประเทศทั้งสามฉบับดังกล่าว การนำการรอการลงโทษตามกฎหมายอาญาทั่วไปมาใช้เป็นมาตรการอื่นแทนการลงโทษจำคุกของผู้เสพยาเสพติดเช่นเดียวกับต่างประเทศ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการบังคับใช้กฎหมายยาเสพติดของประเทศไทยในกรณีของผู้เสพยาเสพติดen_US
dc.description.sponsorshipหลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต กลุ่มวิชากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุมen_US
dc.identifier.citationพรเทพ เอียดแก้ว. 2560. "มาตรการอื่นแทนการลงโทษจำคุกในคดียาเสพติด : ศึกษากรณีการรอการลงโทษผู้เสพยาเสพติด." สารนิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิต กลุ่มวิชากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม.en_US
dc.identifier.urihttps://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/5866
dc.language.isothen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยศรีปทุมen_US
dc.relation.ispartofseriesSPU_พรเทพ เอียดแก้ว_T182467en_US
dc.subjectมาตรการอื่นแทนการลงโทษจำคุกen_US
dc.subjectการรอการลงโทษen_US
dc.subjectปัญหาเกี่ยวกับคดียาเสพติดให้โทษen_US
dc.subjectความผิดอาญาในแง่ของกฎหมายยาเสพติดให้โทษen_US
dc.titleมาตรการอื่นแทนการลงโทษจำคุกในคดียาเสพติด: ศึกษากรณีการรอการลงโทษผู้เสพยาเสพติดen_US
dc.title.alternativeUSING ALTERNATIVE TO IMPRISONMENT IN THE CASE OF NARCOTIC RELATED OFFENSE: A CASE STUDY FOR THE ADDICT UNDER PAROLEen_US
dc.typeOtheren_US

ไฟล์

ชุดต้นฉบับ
ตอนนี้กำลังแสดง1 - 5 ของ 12
กำลังโหลด...
รูปภาพขนาดย่อ
ชื่อ:
หน้าปก.pdf
ขนาด:
29.45 KB
รูปแบบ:
Adobe Portable Document Format
กำลังโหลด...
รูปภาพขนาดย่อ
ชื่อ:
บทคัดย่อ.pdf
ขนาด:
63.03 KB
รูปแบบ:
Adobe Portable Document Format
กำลังโหลด...
รูปภาพขนาดย่อ
ชื่อ:
ABSTRACT.pdf
ขนาด:
46.25 KB
รูปแบบ:
Adobe Portable Document Format
กำลังโหลด...
รูปภาพขนาดย่อ
ชื่อ:
กิตติกรรมประกาศ.pdf
ขนาด:
50.82 KB
รูปแบบ:
Adobe Portable Document Format
กำลังโหลด...
รูปภาพขนาดย่อ
ชื่อ:
สารบัญ.pdf
ขนาด:
63.61 KB
รูปแบบ:
Adobe Portable Document Format
มัดใบอนุญาต
ตอนนี้กำลังแสดง1 - 1 ของ 1
ไม่มีรูปขนาดย่อ
ชื่อ:
license.txt
ขนาด:
1.71 KB
รูปแบบ:
Item-specific license agreed upon to submission
คำอธิบาย: