กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
http://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/4580
ชื่อเรื่อง: | ปัจจัยที่ส่งผลต่อการนำนโยบายสาธารณะด้านการป้องกันและแก้ไข ปัญหายาเสพติดไปปฏิบัติของสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี: FACTORS AFFECTING PUBLIC POLICY ON DRUG PREVENTION TO PRACTICE. A CASE STUDY OF NONTHABURI POLICE STATION. |
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: | ต่อสกุล มีศิริ |
คำสำคัญ: | การนำนโยบายสาธารณะ ปัญหายาเสพติด ปัจจัยที่ส่งผลต่อการนำนโยบายสาธารณะด้านการป้องกันและแก้ไข ปัญหายาเสพติด |
วันที่เผยแพร่: | 25-กรกฎาคม-2559 |
บทคัดย่อ: | การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการนำนโยบายสาธารณะด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดไปปฏิบัติของสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผล ต่อการนำนโยบายสาธารณะเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดไปปฏิบัติของสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรีและศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยแต่ละด้านกับผลของการนำนโยบายสาธารณะเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดไปปฏิบัติของสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการนำนโยบายสาธารณะด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดไปปฏิบัติของสถานีตำรวจภูธร เมืองนนทบุรี ด้วยการการแจกแบบสอบถาม จำนวน164 ชุด แล้วนำมาวิเคราะห์สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีอายุ 31-35 ปี มีระดับการศึกษาสูงสุดระดับปริญญาตรี ส่วนมากชั้นสัญญาบัตร มีอายุราชการ 1-5 ปี มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 15,001-20,000 บาท มีประสบการณ์ในการจับกุมคดียาเสพติด ประเภทการกระทำผิดคดียาเสพติดที่สามารถจับกุมได้ คือ จำหน่ายยาเสพติด จำนวนคดียาเสพติดที่ดำเนินการจับกุมได้ 151-200 คดีต่อปี ปัจจัยที่ส่งผลต่อการนำนโยบายด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดไปปฏิบัติโดยรวมมากที่ค่าเฉลี่ย 3.95 ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ปัจจัยด้านการติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงานที่ค่าเฉลี่ย 4.76 รองลงมาปัจจัยด้านสภาวะทางด้านเศรษฐกิจสังคมและการเมืองที่ค่าเฉลี่ย 4.23 รองลงมาปัจจัยด้านมาตรฐานและวัตถุประสงค์ของนโยบายที่ค่าเฉลี่ย 4.09 รองลงมาปัจจัยด้านคุณลักษณะของหน่วยงานที่ปฏิบัติที่ค่าเฉลี่ย 4.04 รองลงมาปัจจัยด้านการสนับสนุนของหน่วยปฏิบัติที่ค่าเฉลี่ย 3.98 รองลงมาปัจจัยด้านการมีส่วนร่วมของผู้ปฏิบัติและผู้รับบริการที่ค่าเฉลี่ย 3.53 และปัจจัยด้านงบประมาณและแรงจูงใจที่ค่าเฉลี่ย 2.98 ตามลำดับ ระดับผลของการนำนโยบายสาธารณะด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ไปปฏิบัติ โดยรวมมาก ที่ค่าเฉลี่ย 3.95 ซึ่งควรมีการจัดการความรู้เกี่ยวกับกระบวนการทำงาน ของชุมชนที่นำไปสู่การสร้างความยั่งยืนในการทำงาน โดยใช้กลไกสถาบันวิชาการในพื้นที่ และนำมาเผยแพร่และขยายผลทุกระดับ และควรพัฒนาโปรแกรมที่ดีและสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาได้ของต่างประเทศมาทดลองปฏิบัติใช้ในชุมชนไทยที่ยังคงมีปัญหายาเสพติดสูง |
รายละเอียด: | มหาวิทยาลัยศรีปทุม |
URI: | http://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/4580 |
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | GRA-03. บทความวิชาการ/วิจัย (อื่นๆ) |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม | รายละเอียด | ขนาด | รูปแบบ | |
---|---|---|---|---|
ต่อสกุล มีศิริ.pdf | 308.6 kB | Adobe PDF | ดู/เปิด |
รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น
เครื่องมือสำหรับผู้ดูแลระบบ