GRA-02. บทความวิชาการ/วิจัย (วารสารระดับชาติ)
URI ถาวรสำหรับคอลเล็กชันนี้
เรียกดู
กำลังเรียกดู GRA-02. บทความวิชาการ/วิจัย (วารสารระดับชาติ) โดย วันที่ออก
ตอนนี้กำลังแสดง1 - 20 ของ 78
ผลลัพธ์ต่อหน้า
ตัวเลือกเรียงลำดับ
รายการ การพัฒนานโยบายผู้สูงอายุตามแนวทางสหวิทยาการ(2024-12) ปิยากร หวังมหาพร; Whangmahaporn, Piyakornบทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เข้าใจการศึกษานโยบายผู้สูงอายุตามแนวทางสหสาขาวิชา 2) สำรวจมุมมองสาขาต่าง ๆ ต่อการศึกษานโยบายสาธารณะ เช่น สาขาวิชาวิทยาการว่าด้วย ผู้สูงอายุสาธารณสุข สังคมวิทยา เศรษฐศาสตร์ จิตวิทยา และรัฐประศาสนศาสตร์ 3) ปัญหาอุปสรรค การศึกษานโยบายผู้สูงอายุตามแนวทางสหวิทยาการ และ 4) แนวทางในการส่งเสริมการศึกษาเรื่องผู้สูงอายุ ตามแนวทางสหวิทยาการ การศึกษาพบว่า 1) การทำงานร่วมกันข้ามสาขาวิชาและการบูรณาการมุมมองจาก หลายสาขานั้นเป็นการสร้างความเข้าใจที่ครอบคลุมและเป็นรากฐานที่แข็งแรงสำหรับการพัฒนานโยบายที่ มีประสิทธิผลและมีคุณภาพสำหรับผู้สูงอายุในสังคมในระยะยาว 2) สาขาที่ศึกษานโยบายสาธารณะ เช่น สาขาพฤฒาวิทยาเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการสูงอายุที่ให้ข้อมูลที่ลึกซึ้งในแง่มุมต่าง ๆ เกี่ยวกับผลกระทบของการสูงอายุต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน และสังคม 3) ปัญหาอุปสรรคที่ทำให้การศึกษาตามแนวทาง สหวิทยาการไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควรในการพัฒนาและการดำเนินนโยบายผู้สูงอายุ อุปสรรคสำคัญที่ขัดขวาง การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิผลระหว่างผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา เช่น ความแตกต่างในมุมมอง อุปสรรคในการสื่อสาร ข้อจำกัดด้านทรัพยากร และ 4) การใช้แนวทางสหวิทยาการในการพัฒนานโยบายผู้สู งอายุนี้ยังเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับความซับซ้อนและความหลากหลายของผู้สูงอายุ และนำไปสู่พัฒนานโยบายที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุในอนาคตรายการ กระบวนทัศน์นโยบายผู้สูงอายุด้านที่พักอาศัยของประเทศไทย(2024-12) ปิยากร หวังมหาพร; Whangmahaporn, Piyakornงานวิจัยเรื่องกระบวนทัศน์นโยบายผู้สูงอายุด้านที่พักอาศัยของประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัย ภายในและปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อกระบวนทัศน์นโยบายผู้สูงอายุด้านที่พักอาศัยและศึกษาผลที่เกิดขึ้นกับการ เปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์นโยบายผู้สูงอายุด้านที่พักอาศัยของประเทศไทย การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิง คุณภาพโดยวิจัยจากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับนโยบายผู้สูงอายุด้านที่พักอาศัย ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยภายนอก ได้แก่ องค์การระหว่างประเทศส่งออกแนวคิดการจัดการที่พักอาศัยมายังประเทศไทย ส่วนปัจจัยภายใน ได้แก่ จำนวนผู้สูงอายุ นโยบายของรัฐบาล กฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นแรงหนุนเสริม กระบวนทัศน์นโยบายผู้สูงอายุด้านที่ พักอาศัยของประเทศไทยจึงแบ่งออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่ 1) กระบวนทัศน์ก่อน พ.ศ. 2525: ยุคกำเนิดสถาน สงเคราะห์ผู้สูงอายุ 2) กระบวนทัศน์ พ.ศ.2525-2539: ยุคสถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุเบ่งบาน 3) กระบวนทัศน์ พ.ศ.2540-2554: ยุคก่อเกิดการสร้างสภาพแวดล้อมเกื้อหนุนหลักสูงวัยในที่เดิม และ 4) กระบวนทัศน์ พ.ศ. 2555-ปัจจุบัน: ยุคการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุทุกกลุ่มตามหลักสูงวัยในที่เดิม จากกระบวนทัศน์ทั้ง 4 ช่วง ส่งผลให้นโยบายของรัฐบาลไทยแตกต่างกันออกไปจากเดิมมุ่งสร้างสถานสงเคราะห์เฉพาะผู้ยากไร้มาสู่การ จัดที่พักอาศัยภายใต้แนวคิดสูงวัยในที่เดิมโดยให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุทุกกลุ่มมากขึ้นรายการ แบบจำลองความได้เปรียบในการแข่งขันของธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ในประเทศไทย(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2561-12) จันทร์เพ็ญ วรรณารักษ์; วิชิต อู่อ้น; กัลยารัตน์ ธีระธนชัยกุลThis research aims: (1) to study the factors that influence competitive advantage, business performance. (2) To study the influence of competitive advantage on business performance. (3) To model the competitive advantage model of transport business and logistics in Thailand. The sample of this research is drawn from 200 institutes. The sources of data are 2 executives of each Institute. The total number of people who provided data is 440. Using a multi-stage random sampling method, data was collected by a questionnaire during the period of August 2017. In total 396 questionnaires were returned, representing a response rate of 90%. The data was analyzed using technical analysis, structural equation model. The results of the research showed that: (1) Factors affecting consist of working system, human capital, business networking, technology capability and innovative organization. (2) All of five factors has a direct positive influence on the competitive advantage and indirect positive influence on business performance. (3) ADVL model simulations are consistent with empirical data based on a harmonized index of 6 indexes of accepted criteria. The index is: 2/df = 0.94, CFI = 1.00, GFI = 0.98, AGFI = 0.95, RMSEA = 0.000 และ SRMR = 0.0098. The ADVL model which includes seven core elements and 19 sub-elements as follows: (1) Working system has four components. (2) There are two components: in-human capital. (3) Business networking has three components. (4) Technology capability has three components. (5) Innovative organization has two components. (6) Competitive advantage has two components. Finally (7) Business performance has two componentsรายการ ปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของลูกค้าในธุรกิจสปาขนาดกลางและขนาดเล็กของไทย(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2561-12) ณัฏฐวงศ์ ชาวเวียง; วิชิต อู่อ้นการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อประสบการณ์ลูกค้า (2) เพื่อศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของลูกค้า(3) เพื่อศึกษาอิทธิพลของประสบการณ์ลูกค้าที่มีต่อประสบการณ์ลูกค้า ซึ่งผู้วิจัยได้ก าหนดประชากรคือ สถานบริการสปาขนาดกลางและขนาดเล็ก ผู้วิจัยได้รวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์ สนทนากลุ่ม รวมไปถึงการทบทวนวรรณกรรมจากต่างประเทศ แล้วน าข้อมูลที่ได้มาสังเคราะห์เพื่อสร้างเครื่องมือวิจัยเป็นแบบสอบถามและท าการตรวจความตรงของเนื้อหาโดยผู้เชี่ยวชาญ จากนั้นผู้วิจัยได้เลือกกลุ่มตัวอย่างเป็นสถานบริการสปาในกรุงเทพมหานคร จากผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยด้าน บริการหลัก บรรยากาศในการบริการ พฤติกรรมของลูกค้า มีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อประสบการณ์ลูกค้าและพฤติกรรมของลูกค้า นอกจากนี้ประสบการณ์ลูกค้ายังมีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อพฤติกรรมของลูกค้ารายการ การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ด้านการลงทุนของนักลงทุน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(มหาวิทยาลัยศรีปทุม., 2562) จุไรวรรณ รินทพล; วิชิต อู่อ้นการศึกษาเรื่อง การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ด้านการลงทุนของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยด้านกระบวนการตัดสินใจที่ส่งผลต่อผลดำเนินการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 2) ศึกษาอิทธิพลของปัจจัยที่มีผลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย และ 3) สร้างแบบจำลองการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงผสมโดยวิธีวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ สำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 5 คน โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-Depth Interview) และการวิจัยเชิงปริมาณใช้การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น (Stratified Sampling) และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างหลายขั้นตอน (Multi-Stage-Sampling) จำนวน 510 คน ผลการศึกษาพบว่า 1) ศึกษาปัจจัยด้านกระบวนการตัดสินใจที่ส่งผลต่อผลดำเนินการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2) ปัจจัยด้านพฤติกรรม ความรู้ เทคโนโลยีมีผลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ 3) แบบจำลองการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพบว่าโมเดลแบบจำลองสมการเชิงโครงสร้างมีความเหมาะสมกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ข้อเสนอแนะควรมีการศึกษาตัวแปรปัจจัยพฤติกรรมการลงทุน ความรู้เทคโนโลยี และรูปแบบการลงทุนกับกลุ่มนักลงทุนรายอื่น รวมทั้งศึกษาตัวแปรที่เป็นปัจจัยเหตุอื่นๆ ที่อาจจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ด้านการลงทุนของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้งานวิจัยดูน่าสนใจ เกิดความท้าทาย ช่วยให้นักลงทุนมีศักยภาพและมีความสามารถในการขยายการลงทุนให้เกิดขึ้นได้ This research had three following objectives: (1) to study decision making process factors affecting the decision making on stock trading of investors in the Stock Exchange of Thailand; (2) to study the influence of factors affecting the process of decision making on stock trading of investors in the Stock Exchange of Thailand; and (3) to create a strategic decision making model on stock trading of investors in the Stock Exchange of Thailand. This research was a mix-method research involving the quantitative and qualitative research methodologies. In the qualitative study, the researcher conducted in-depth interviews of 5 key research informants who were investors in the Stock Exchange of Thailand; while in the quantitative study, a questionnaire was used to collect data from 510 investors who used to invest in the Stock Exchange of Thailand. The qualitative data were analyzed with content analysis; while the quantitative data were statistically analyzed with descriptive statistics and structural equation model analysis. The research findings showed that the decision-making process factors affecting the decision making on stock trading of investors as a whole were at the high level. The factors of behaviors, knowledge, technology, and pattern of investment affected the process of decision making on stock trading of the investors. Furthermore, the created strategic decision-making model on stock trading of investors in the Stock Exchange of Thailand had goodness-of-fit with the empirical data. In addition, interview results revealed that the decision-making process, behavior, knowledge, technology, and pattern of investment had influences on decision making results of investors in the Stock Exchange of Thailand.รายการ ปัจจัยเชิงสาเหตุที่ส่งผลต่อคุณภาพของรายงานทางการเงินและประสิทธิภาพการตัดสินใจของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทางเลือกเพื่อการลงทุน (เอ็ม เอ ไอ)(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2562-01) พรรณเพ็ญ สิทธิพัฒนา; วิชิต อู่อ้นการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุของการควบคุมการจัดท าข้อมูลบัญชี คุณภาพการตรวจสอบ และระบบสารสนเทศทางการบัญชีที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพของรายงานทางการเงินและประสิทธิภาพการตัดสินใจของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทางเลือกเพื่อการลงทุน (เอ็ม เอ ไอ)กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้บริหารฝ่ายบัญชีของบริษัทที่จดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ทางเลือกเพื่อการลงทุน (เอ็ม เอ ไอ) จ านวน 146 คน และน าข้อมูลมาวิเคราะห์ด้วยวิธีการทางสถิติโดยใช้การวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง(Structural Equation Modeling: SEM) ผลการวิจัยพบว่าคุณภาพของรายงานทางการเงิน การควบคุมคุณภาพการจัดท าข้อมูลบัญชี การตรวจสอบ ระบบสารสนเทศทางการบัญชี ประสิทธิภาพการตัดสินใจ มีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าปัจจัยเชิงสาเหตุที่ส่งผลต่อคุณภาพของรายงานทางการเงินและประสิทธิภาพการตัดสินใจของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทางเลือกเพื่อการลงทุน (เอ็ม เอ ไอ) จะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุนอย่างมากรายการ วัฒนธรรมองค์การและคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดขององค์การและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานธนาคารภาครัฐแห่งหนึ่ง(วารสารวิทยบริการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 2562-04) กาญจนาพร พันธ์เทศ และ ประพันธ์ ชัยกิจอุราใจรายการ ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดขององค์การของบุคลากรในมหาวิทยาลัย(วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, 2562-04-30) ชนม์ขนิษฐ์ วิศิษฎ์สมบัติ ประพันธ์ ชัยกิจอุราใจ และพีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์รายการ การพัฒนาแบบจาลองการพิจารณาความน่าเชื่อถือทางการเงินสาหรับธุรกิจ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(มหาวิทยาลัยบูรพา, 2562-12) ณฐภศา เดชานุเบกษา; ณัฐสพันธ์ เผ่าพันธ์การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาตัวแปรอัตราส่วนทางการเงิน ตัวแปรสัมพันธ์กับมูลค่าทางการตลาด และคุณลักษณะของธุรกิจที่สามารถพยากรณ์การพิจารณาความน่าเชื่อถือทางการเงินของธุรกิจ (2) เพื่อพัฒนาแบบจาลองการพิจารณาความน่าเชื่อถือทางการเงินสาหรับธุรกิจ 3) เพื่อทดสอบอิทธิพลเชิงสาเหตุของตัวแปรพยากรณ์ผลการพิจารณาความน่าเชื่อถือทางการเงินจากแบบจาลองที่พัฒนาขึ้นต่อผลตอบแทนของหลักทรัพย์ งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน ( Mixed method)ระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ และเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบจับคู่ ( Matched pair) ระหว่างบริษัทที่มีปัญหาทางการเงินและเป็นบริษัทที่ไม่มีปัญหาทางการเงิน และดาเนินการวิจัยเชิงคุณภาพโดยการเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญ โดยวิธีการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive sampling) ผลการวิจัยตัวแปรที่สามารถพยากรณ์ การพิจารณาความน่าเชื่อถือทางการเงินของธุรกิจและการพัฒนาแบบจาลองการพิจารณาความน่าเชื่อถือทางการเงินสาหรับธุรกิจโดยการวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติกส์ พบว่า ตัวแปรอัตราส่วนทางการเงิน ได้แก่ อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนสุทธิต่อสินทรัพย์รวม อัตราส่วนหมุนเวียนสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน อัตราส่วนผลตอบแทนจากสินทรัพย์ อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น ตัวแปรตัวแปรสัมพันธ์กับมูลค่าทางการตลาด คือ มูลค่าตลาดของสินทรัพย์ต่อจุดผิดนัดชาระหนี้ และตัวคุณลักษณะของธุรกิจ คือขนาดธุรกิจ มีอิทธิพลในการพยากรณ์และพัฒนาแบบจาลองการพิจารณาความน่าเชื่อถือทางการเงินสาหรับธุรกิจ โดยแบบจาลองมีความแม่นยาถึงร้อยละ 82.70 ส่วนผลการทดสอบตัวแปรอิทธิพลของผลการพิจารณาความน่าเชื่อถือทางการเงินจากแบบจาลองที่พัฒนาขึ้นต่อผลตอบแทนของหลักทรัพย์ โดยการใช้การวิเคราะห์เส้นทาง (Path analysis) พบว่า ตัวแปรเชิงสาเหตุในแบบจาลองที่ส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อผลตอบแทนหลักทรัพย์ ประกอบด้วย อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนสุทธิต่อสินทรัพย์รวม อัตราส่วนหมุนเวียนสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน มูลค่าตลาดของสินทรัพย์ต่อจุดผิดนัดชาระหนี้ ส่วนขนาดธุรกิจมีนัยสาคัญ เพียงการส่งผลในทางตรงต่อผลตอบแทนหลักทรัพย์ ทั้งนี้ ผลในภาพรวม พบว่า แบบจาลองเชิงสาเหตุมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์โดยมีค่าความสอดคล้องผ่านเกณฑ์ความสอดคล้องทุกค่า พร้อมทั้งผลการวิจัยเชิงคุณภาพ พบว่า ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดเห็นด้วยกับผลการวิจัยเชิงปริมาณที่พัฒนาขึ้นรายการ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติในด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภายใต้หลักธรรมาภิบาลขององค์การภาครัฐ(มหาลัยศรีปทุม, 2563) ปิยากร หวังมหาพรการวิจัยแบบผสมเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐภายใต้หลักธรรมาภิบาลขององค์การภาครัฐ ได้แก่ กรมการท่องเที่ยว กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การวิจัยเชิงปริมาณศึกษาจากบุคลากรจำนวน 306 คน โดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณเชิงเส้นตรง การวิจัยเชิงคุณภาพ สัมภาษณ์ผู้บริหารกรม จ านวน 9ราย วิเคราะห์ข้อมูลโดยการตีความรายการ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติในด้านการปรับสมดุลและ พัฒนาระบบการบริหารจัดการภายใต้หลักธรรมาภิบาลขององค์การภาครัฐ(มหาลัยศรีปทุม, 2563) ปิยากร หวังมหาพรการวิจัยแบบผสมเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการด าเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐภายใต้หลักธรรมาภิบาลขององค์การภาครัฐ ได้แก่ กรมการท่องเที่ยว กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การวิจัยเชิงปริมาณศึกษาจากบุคลากรจำนวน 306 คน โดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณเชิงเส้นตรง การวิจัยเชิงคุณภาพ สัมภาษณ์ผู้บริหารกรม จ านวน 9ราย วิเคราะห์ข้อมูลโดยการตีความรายการ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติภายใต้หลักธรรมาภิบาล ขององค์การภาครัฐตามการประเมินคุณธรรม และความโปร่งใส(มหาลัยศรีปทุม, 2563) ปิยากร หวังมหาพร; อภิญญา ดิสสะมานการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ภายใต้หลักธรรมาภิบาลฯ 2) ระดับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติภายใต้หลักธรรมาภิบาลฯ และ 3) ปัจจัย ที่มีอิทธิพลต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติภายใต้หลักธรรมาภิบาลขององค์การภาครัฐตามการประเมิน คุณธรรมและความโปร่งใสกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ บุคลากรสังกัดกรมการท่องเที่ยวกรมกิจการ ผู้สูงอายุและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมบังคับคดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมส่งเสริม คุณภาพสิ่งแวดล้อม กำหนดขนาดตัวอย่างจำนวน 612 คน ด้วยโปรแกรม G*Power เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบสอบถามแบบมาตราส่วน 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .98 และ .99 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สหสัมพันธ์พหุคูณแบบเพียร์สัน และการถดถอยพหุคูณ เชิงเส้นตรงรายการ การตลาดเชิงสัมพันธภาพและคุณภาพการให้การบริการที่ส่งผลต่อการวิเคราะห์เชิงบวกส่วน บุคคลไปยังความภักดีในตราสินค้าของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในประเทศไทย(สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค., 2563) คชาภรณ์ วงศ์ชัยสุวรรณ; วิชิต อู่อ้นการวิจัยเรื่องการตลาดเชิงสัมพันธภาพและคุณภาพการให้การบริการที่ส่งผลต่อการวิเคราะห์เชิงบวก ส่วนบุคคลไปยังความภักดีในตราสินค้าของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในประเทศไทยโดยมีวัตถุประสงค์ในการ ศึกษาวิจัย ดังนี้ (1) เพื่อศึกษาตัวแปรของการตลาดเชิงสัมพันธภาพและคุณภาพการให้การบริการที่ส่งผลต่อการ วิเคราะห์เชิงบวกส่วนบุคคลไปยังความภักดีในตราสินค้าของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในประเทศไทย (2) เพื่อ ศึกษาอิทธิพลของการตลาดเชิงสัมพันธภาพและคุณภาพการให้การบริการที่ส่งผลต่อการวิเคราะห์เชิงบวกส่วน บุคคลไปยังความภักดีในตราสินค้าของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในประเทศไทย และ (3) เพื่อการสร้างรูป แบบจำลองของการตลาดเชิงสัมพันธภาพและคุณภาพการให้การบริการที่ส่งผลต่อการวิเคราะห์เชิงบวกส่วน บุคคลไปยังความภักดีในตราสินค้าของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในประเทศไทย เพื่อนำมากำหนดกรอบแนวคิด ของการวิจัยนี้ งานวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods) และมีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วย แบบสอบถาม กลุ่มประชากรในการวิจัยครั้งนี้ คือ ผู้ใช้เครื่องสำอางสำหรับผิวหน้า จำนวน 500 รายและ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง (Structural Equation Modeling: SEM) ผลการวิจัย พบว่า การตลาดเชิงสัมพันธภาพมีอิทธิพลต่อการวิเคราะห์เชิงบวกส่วนบุคคล และการตลาดเชิง สัมพันธภาพมีอิทธิพลต่อความภักดีในตราสินค้า และการวิเคราะห์เชิงบวกส่วนบุคคลของลูกค้ามีอิทธิพลต่อ ผลลัพธ์ปลายทางความภักดีในตราสินค้า และคุณภาพของการให้บริการมีอิทธิพลต่อการวิเคราะห์เชิงบวกส่วน บุคคล และคุณภาพของการให้บริการมีอิทธิพลต่อความภักดีในตราสินค้า This research topic is The Relationship Marketing and Service Quality Influencing SOAR Analysis through Brand Loyalty in the Cosmetic Industry of Thailand. The research objectives: (1) to study the factors of the Relationship Marketing and Service Quality Influencing SOAR Analysis through Brand Loyalty in the Cosmetic Industry of Thailand (2) to study the Relationship Marketing and Service Quality Influencing SOAR Analysis through Brand Loyalty in the Cosmetic Industry of Thailand (3) to construct the model of the Relationship Marketing and Service Quality Influencing SOAR Analysis through Brand Loyalty in the Cosmetic Industry of Thailand. This research approved Mixed Methods by using 500 questionnaires from cosmetics end users or customers and data analysis applying Structural Equation Modeling: SEM to trial the hypotheses including In-depth interview to confirm the results. According to the results, the Relationship Marketing presented the direct effect to Brand Loyalty as well as Service Quality had effect to Brand Loyalty. Moreover, the Relationship Marketing gave the effect to SOAR analysis. The Service Quality had effect to SOAR analysis. The SOAR analysis also effected direct to Brand Loyalty. Indeed, the Relationship Marketing and Service Quality had direct effect on SOAR Analysis through Brand Loyalty.รายการ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติในด้านการปรับสมดุลและ พัฒนาระบบการบริหารจัดการภายใต้หลักธรรมาภิบาลขององค์การภาครัฐ(มหาลัยศรีปทุม, 2563) ปิยากร หวังมหาพรการวิจัยแบบผสมเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการด าเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐภายใต้หลักธรรมาภิบาลขององค์การภาครัฐ ได้แก่ กรมการท่องเที่ยว กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การวิจัยเชิงปริมาณศึกษาจากบุคลากรจำนวน 306 คน โดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณเชิงเส้นตรง การวิจัยเชิงคุณภาพ สัมภาษณ์ผู้บริหารกรม จ านวน 9ราย วิเคราะห์ข้อมูลโดยการตีความรายการ คุณลักษณะของงานและคุณภาพชีวิตในการทำงานที่มีผลต่อความผูกพันต่อองค์การของบุคลากรโรงพยาบาลเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร(วารสารวิทยบริการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 2563-04-01) วิชชุลดา เพียรเสมอ และ ประพันธ์ ชัยกิจอุราใจรายการ ความคิดเห็นของบุคลากรหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงและบรรยากาศองคืการทีมีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน(วารสารวิทยบริการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 2563-04-01) บวรรัฐ มาเจริญ และ ประพันธ์ ชัยกิจอุราใจรายการ ปัจจัยเชิงสาเหตุด้านคุณภาพข้อมูลทางการบัญชี คุณภาพระบบสารสนเทศทางการบัญชี คุณภาพการบริการอิเล็กทรอนิกส์ การรับรู้คุณค่าของบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ และความพึงพอใจของผู้ใช้งานบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) ในประเทศไทย(วารสารการบัญชีและการจัดการ คณะการบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2563-06) พ.ท.หญิง สุกัญญา คลังทอง; สุพิน ฉายศิริไพบูลย์การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุ ด้านคุณภาพข้อมูลทางการบัญชี คุณภาพระบบสารสนเทศทางการบัญชี คุณภาพการบริการอิเล็กทรอนิกส์ ที่ส่งผลต่อการรับรู้คุณค่าของบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ ความพึงพอใจของผู้ใช้บัญชีอิเล็กทรอนิกส์ และประสิทธิภาพการใช้งานบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศไทย ผู้วิจัยได้ออกแบบการวิจัยเป็นแบบผสมผสาน ทั้งการวิจัยเชิงคุณภาพ และการวิจัยเชิงปริมาณ ประชากร ที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ คือ ผู้บริหาร พนักงานบัญชี ของธุรกิจ (SMEs) ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 800 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม นำมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง (Structural Equation Modeling : SEM) ผลการวิจัย พบว่า ตัวแปรแต่ละตัวมีความสอดคล้องและเหมาะสม โดยที่ (1) คุณภาพข้อมูลทางการบัญชี คุณภาพของระบบสารสนเทศทางการบัญชี คุณภาพการบริการอิเล็กทรอนิกส์ มีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อการรับรู้คุณค่าของบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ และความพึงพอใจของผู้ใช้บัญชีอิเล็กทรอนิกส์ (2) การรับรู้คุณค่าของบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ และความพึงพอใจของผู้ใช้บัญชีอิเล็กทรอนิกส์ มีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อประสิทธิภาพการใช้งานระบบบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของธุรกิจ (SMEs) ในประเทศไทย (3) แบบจำลอง (Model) มีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมีค่าดัชนี ความกลมกลืนทั้ง 6 ดัชนีที่ผ่านเกณฑ์การยอมรับ คือค่าดัชนี /df = 1.337, CFI = 1.00, GFI = 0.99, AGFI = 0.98, RMSEA = 0.021 และ SRMR = 0.021 The objective of this research is to study was causal, factors. Which Accounting data quality, Accounting information systems quality, E-service quality, Perceived value of e-accounting and User satisfaction of e-accounting affects the efficiency of e-accounting for small and medium-sized businesses (SMEs) in Thailand. The research has designed into a combination method between qualitative and quantitative research. The sample used in this study are executives, accountants, of small and medium-sized businesses in Bangkok area with 800 sample collecting data with a questionnaire was analyze the data using Structural Equation Modeling .The results of the research indicated that variable was consistent and appropriate with (1) Accounting data quality, Accounting information systems quality, E-services quality have a direct positive influence on the perceived value of e-accounting and user satisfaction of e-accounting (2) The perceived value of e-accounting and user satisfaction of e-accounting have a direct positive influence on the efficiency of e-accounting for SMEs in Thailand (3) The Model was consistent with the data and The six harmony indexes that passed the acceptance criteria were index / df = 1.337, CFI = 1.00, GFI = 0.99, AGFI = 0.98, RMSEA = 0.021 and SRMR = 0.021.รายการ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติในด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภายใต้หลักธรรมาภิบาลขององค์การภาครัฐ(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2563-07) ปิยากร หวังมหาพรการวิจัยแบบผสมเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐภายใต้หลักธรรมาภิบาลขององค์การภาครัฐ ได้แก่ กรมการท่องเที่ยว กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การวิจัยเชิงปริมาณศึกษาจากบุคลากรจำนวน 306 คน โดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณเชิงเส้นตรง การวิจัยเชิงคุณภาพ สัมภาษณ์ผู้บริหารกรม จำนวน 9 ราย วิเคราะห์ข้อมูลโดยการตีความรายการ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติภายใต้หลักธรรมาภิบาล ขององค์การภาครัฐตามการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2563-07) ปิยากร หวังมหาพร; อภิญญา ดิสสะมานการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ภายใต้หลักธรรมาภิบาลฯ 2) ระดับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติภายใต้หลักธรรมาภิบาลฯ และ 3) ปัจจัย ที่มีอิทธิพลต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติภายใต้หลักธรรมาภิบาลขององค์การภาครัฐตามการประเมิน คุณธรรมและความโปร่งใสกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ บุคลากรสังกัดกรมการท่องเที่ยวกรมกิจการ ผู้สูงอายุและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมบังคับคดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมส่งเสริม คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายการ Online Communication That Influences the Decision to Enter A Coffee Shop of Gen Y In Bangkok(Sripatum University, 2563-08) Sarisa Tantayotin; Niwat ChantharatThesis study on "Communication through online media that influences the decision to enter a coffee shop of Gen Y in Bangkok." The objective of this study is to 1) Demographic Factors, 2) Consumer Purchasing Behavior, 3) The use of online media, and 4) The decision to enter a coffee shop of Gen Y in Bangkok. It is quantitative research, the sample group is 400 people aged between 18-37 years. The questionnaire was used as a data collection tool using a specific selection method in the coffee shop in eight districts, namely Lat Phrao District, Wattana Khet District. Ratchathewi District, Pathumwan District, Din Daeng District, Bang Khen District, Chatuchak District, and Bang Rak District by random sampling method. Analysis of answers by ready-made programs. It was using descriptive statistics, frequency distribution, percentage, mean, standard deviation, and using the hypothesis test with multiple regression analysis.The research results showed that most of the samples were female, single, with the highest education at the bachelor's degree or equivalent, occupation company employee / private employee. The average monthly income is 10,001 - 20,000 baht. Gen Y's purchasing behavior found that they most visited the coffee shop from 8-12 am. The frequency of entering a coffee shop 1-2 times a week. Coffee is the most type of drink in a coffee shop that was chose and the reason of consuming coffee is to reduce drowsiness and more refreshing.The drink purchase style is self-purchase and pays in cash. Most cafes are located in the workplacearea. The most common coffee shop access is Café Amazon, and the most social media choice for choosing a coffee shop is Facebook.