โครงสร้างใหม่ (v.2)
URI ถาวรสำหรับชุมชนนี้
เรียกดู
กำลังเรียกดู โครงสร้างใหม่ (v.2) โดย วันที่ออก
ตอนนี้กำลังแสดง1 - 20 ของ 192
ผลลัพธ์ต่อหน้า
ตัวเลือกเรียงลำดับ
รายการ ปัญหาและความต้องการของผู้ใช้บริการที่มีต่อรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล(2554-07-13T07:52:43Z) ภัทร บัวแย้มการศึกษาวิจัยเรื่อง “ปัญหาและความต้องการของผู้ใช้บริการที่มีต่อรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล” ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การศึกษาเพื่อศึกษาระดับของปัญหาและความต้องการ และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับปัญหาและความต้องการของผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล โดยการศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงสำรวจ (Survey research) กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล จำนวน 200 คน การวิเคราะห์ผลการศึกษาใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) เพื่ออธิบายผลการศึกษา ได้แก่ การแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สำหรับการทดสอบสมมติฐาน ใช้การวิเคราะห์การผันแปรหรือการวิเคราะห์ความแปรปรวน (Analysis of Variance: ANOVA) และการวิเคราะห์การจำแนกแบบพหุ (Multiple Classification Analysis: MCA) ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ผลการศึกษามีดังนี้ ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 21 – 30 ปี เป็นโสด จบการศึกษาปริญญาตรี มีอาชีพเป็นพนักงานบริษัทเอกชน และมีรายได้ส่วนบุคคลโดยเฉลี่ยต่อเดือน อยู่ระหว่าง 15,000 – 30,000 บาท ประสบการณ์การใช้บริการรถไฟฟ้า สายเฉลิมรัชมงคลของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า ส่วนใหญ่ใช้บริการน้อยกว่า 6 ครั้ง / เดือน นิยมใช้ตั๋วเดินทางเที่ยวเดียว มีระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า น้อยกว่า 15 นาที สถานีต้นทางที่ใช้เป็นประจำ คือ สถานีสวนจตุจักร สถานีปลายทางที่ใช้เป็นประจำ สถานีสุขุมวิท และวิธีการเดินทางเพื่อมาขึ้นรถไฟฟ้า ส่วนใหญ่ใช้รถโดยสารสาธารณะ เหตุผลของการใช้หรือไม่ใช้บริการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล พบว่า ส่วนใหญ่มีเหตุผลในการใช้บริการในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งเหตุผลสำคัญที่ใช้บริการ คือ สามารถประหยัดเวลาในการเดินทาง ปัญหาของผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล พบว่า ในภาพรวมมีปัญหาอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งมีปัญหาด้านราคามากที่สุด รองลงมา คือ ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก ด้านความปลอดภัย ด้านบริการ และด้านสถานีและภายในขบวนรถไฟฟ้า ลำดับ และความต้องการให้ปรับปรุงการให้บริการของผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล พบว่า ในภาพรวมต้องการให้ปรับปรุงในระดับปานกลาง การทดสอบสมมติฐาน พบว่า อาชีพของผู้ใช้บริการมีอิทธิพลต่อระดับปัญหาและความต้องการของผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ร้อยละ 60.60 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ที่เหลืออีก ร้อยละ 40.40 เกิดจากอิทธิพลของปัจจัยอื่น ๆ และพบว่าระยะเวลาในการใช้บริการของผู้ใช้บริการ และปัจจัยประสบการณ์การใช้บริการและเหตุผลของการใช้บริการร่วมกัน มีอิทธิพลต่อระดับปัญหาและความต้องการของผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ร้อยละ 41.80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ที่เหลืออีก ร้อยละ 58.20 เกิดจากอิทธิพลของปัจจัยอื่น ๆรายการ ความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบภาวะผู้นำของผู้บริหารระดับกลางตามการรับรู้ของพนักงานกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน และความผูกพันต่อองค์การของพนักงาน กรณีศึกษา:โรงงานยาสูบ ส่วนกลาง(2554-09-09T09:09:07Z) เรย์ณุวรรษ ทัศมาลัยการวิจัยเรื่อง "ความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบภาวะผู้นำของผู้บริหารระดับกลางตามการรับรู้ของพนักงานกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานและความผูกพันต่อองค์การของพนักงาน กรณีศึกษาโรงงานยาสูบ ส่วนกลาง" มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแบบภาวะผู้นำของผู้บริหารระดับกลางตามการรับรู้ของพนักงาน ระดับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานรายการ ความสัมพันธ์ระหว่างระบบการบริหารผลปฎิบัติงานและผลการปฎิบัติงานของพนักงานปฎิบัติการของโรงพยาบาลเอกชน(2554-09-09T10:11:06Z) พิจิตรา ใช้เอกปัญญาการวิจัยเรื่อง "ความสัมพันธ์ระหว่างระบบการบริหารผลการปฏิบัติงานและผลการปฏิบัติงานของพนักงานปฏิบัติการของโรงพยาบาลเอกชน" โดยมีวัตถุประสงค์คือ 1.เพื่อศึกษาถึงระดับความคิดเห็นเรื่องระบบการบริหารผลการปฏิบัติงานของโรงพยาบาล 2.เพื่อศึกษาถึงระดับผลการปฏิบัติงานของพนักงานปฏิบัติการ 3.เพื่อศึกษาเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นเรื่องผลการปฏิบัติงานรายการ ปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันต่อองค์การและพฤติกรรมการปฎิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพ กรณีศึกษาเครือโรงพยาบาลพญาไท(2554-09-09T10:34:45Z) วีรวรรณ สิงหสุริยะการวิจัยเรื่อง "ปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันต่อองค์การและพฤติกรรมการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพ กรณีศึกษา : เครือโรงพยายบาลพญาไท" มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาระดับความผูกพันต่อองค์การ กับพฤติกรรมการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพ เครือโรงพยาบาลพญาไทรายการ ความผูกพันต่อองค์การและผลที่ตามมาของความผูกพันต่อองค์การของพนักงานโรงงานแปรรูปอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี(2554-09-09T10:48:23Z) ปัทมา อ่อนคำการวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษาระดับความผูกพันต่อองค์การ ปัจจัยส่วนบุคคลมีผลต่อความผูกพันต่อองค์การ ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านลักษณะงาน ปัจจัยด้านประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานมีความสัมพันธ์รายการ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพชีวิตการทำงานกับความผูกพันต่อองค์การและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานในกลุ่มสถานีโทรทัศน์ในเขตกรุงเทพมหานคร(2554-09-09T10:56:08Z) มณฑป ผลาสินธุ์การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1 เพื่อศึกษาระดับคุณภาพชีวิตการทำงาน ระดับความผูกพันต่อองค์การ และระดับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงาน 2. เพื่อศึกษาบริษัทที่แตกต่างกันที่มีผลต่อ คุณภาพชีวิตการทำงานรายการ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพชีวิตในการทำงาน ความผูกพันต่อองค์การและผลการปฎิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพระดับปฏิบัติการโรงพยาบาลชั้นนำของรัฐแห่ง(2554-09-09T11:44:01Z) ถนอมศรี แดงศรีการศึกษาครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพชีวิตในการทำงานความผูกพันต่อองค์การและผลการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพระดับปฏิบัติการ โรงพยาบาลชั้นนำของรัฐแห่งหนึ่งรายการ การจัดการขยะจากการก่อสร้างเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน(2554-09-24T03:14:40Z) โชคดี ยี่แพร่งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาการจัดการขยะจากการก่อสร้างเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนในโครงการ ก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่พิเศษ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัญหาการจัดการขยะจากการก่อสร้าง 2) ศึกษากระบวนการจัดการขยะจากการก่อสร้าง และ 3) นำเสนอแนวทางในการจัดการขยะของ โครงการก่อสร้างเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือการสัมภาษณ์และแบบสอบถาม ผู้จัดการโครงการ วิศวกรโครงการ วิศวกรควบคุมงาน หรือบุคคลที่รับรู้สถานการณ์หน้างาน จาก โครงการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่พิเศษ ประเภทอาคารพักอาศัย ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานครและ ปริมณฑล โดยมีกลุ่มตัวอย่างในส่วนของการสัมภาษณ์จำนวน 30 ตัวอย่าง และในส่วนการออกแบบ สอบถามจำนวน 61 ตัวอย่าง ผลการวิจัยพบว่า จากการศึกษาสัดส่วนของขยะที่เกิดจากวัสดุก่อสร้างแต่ละชนิด และสัดส่วนของขยะจากวัสดุ ก่อสร้างในการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่พิเศษ 1 อาคาร พบว่าวัสดุกลุ่มบรรจุภัณฑ์ของวัสดุต่างๆ และ วัสดุกลุ่มไม้รูปพรรณ เป็นวัสดุที่ก่อให้เกิดขยะจากกระบวนการก่อสร้างมากที่สุด การศึกษาสภาพปัญหาการจัดการขยะจากการก่อสร้าง พบว่าสภาพปัญหาที่ทำให้เกิดขยะใน กระบวนการก่อสร้างแยกได้เป็น 2 สาเหตุหลัก คือ สภาพปัญหาที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารโครงการ และ สภาพปัญหาที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายปฏิบัติงาน โดยสภาพปัญหาที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารโครงการมีสาเหตุ สำคัญที่ทำให้เกิดขยะจากการก่อสร้างคือ การสื่อสารกับส่วนปฏิบัติงานไม่ชัดเจน และการขาดการ วางแผนงานก่อสร้าง ส่วนสภาพปัญหาที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายปฏิบัติงานมีสาเหตุหลักที่สำคัญคือ คนงานขาด ทักษะในการทำงาน และการแก้ไขงานเนื่องจากผลงานไม่ได้มาตรฐาน II จากการออกแบบสอบถามผู้จัดการโครงการแต่ละโครงการถึงการให้ระดับความสำคัญของ ขั้นตอนในกระบวนการจัดการขยะ พบว่าขั้นตอนที่โครงการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่พิเศษให้ ความสำคัญมากที่สุดคือ การศึกษาแบบก่อนลงมือทำงาน และการสั่งงานที่ชัดเจน จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารโครงการเกี่ยวกับแนวทางการจัดการขยะจากการก่อสร้าง พบว่า แนวทางการจัดการขยะจากการก่อสร้างมี 12 แนวทาง ซึ่งเมื่อนำมาทำแบบสอบถามผู้จัดการโครงการ พบว่าแนวทางที่นำมาปฏิบัติแล้วเกิดประสิทธิภาพในการจัดการขยะมากที่สุดคือ การจัดทำแผนงาน ก่อสร้าง และการศึกษาแบบก่อนลงมือทำงาน จะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการลดปริมาณขยะจาก การก่อสร้างรายการ การศึกษาแนวทางการคิดงานเปลี่ยนแปลงานก่อสร้างอาคารสูงของสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างในหน่วยงานเอกชน(2554-09-24T04:23:12Z) ฉัตรชัย มงคลหมู่จากการศึกษาเกี่ยวกับปัญหาในการคิดงานเปลี่ยนแปลงงานก่อสร้างในประเทศไทย พบว่าปัญหาส่วน ใหญ่คือปัญหาในเรื่องวิธีการวัดปริมาณงาน วิธีการวัดปริมาณงานสำหรับอาคารในประเทศไทยยังไม่มี มาตรฐานกลางในการใช้ประกอบการทำงาน ทำให้แต่ละฝ่ายกำหนดรูปแบบวิธีการวัดปริมาณขึ้นเอง รวมทั้งใน สัญญาก่อสร้างก็ไม่ได้ระบุแนวทางการคิดปริมาณงานเปลี่ยนแปลงไว้อย่างชัดเจนด้วย งานวิจัยนี้ได้ศึกษาแนว ทางการคิดปริมาณงานเปลี่ยนแปลงในส่วนของงานที่มีผลกระทบในเรื่องงบประมาณงานก่อสร้าง ของผู้ที่ เกี่ยวข้องโดยมีฝ่ายเจ้าของโครงการ ผู้ออกแบบ ผู้บริหารโครงการ และฝ่ายผู้รับเหมา จากผลการศึกษาพบว่า วิธีการวัดปริมาณเนื้องานที่บริษัทผู้รับเหมาและบริษัทที่ปรึกษาใช้อ้างอิงในการดำเนินงาน ส่วนมาก ใช้มาตรฐานตามมาตรฐานวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ส่วนแนวทางการคิดปริมาณงาน เปลี่ยนแปลงแต่ละฝ่ายจะยึดถือปริมาณ และราคาต่อหน่วยใน BOQ. เป็นหลักในการอ้างอิงปริมาณ และราคา นอกจากนี้ผู้วิจัยยังได้รวบรวมสาเหตุการเกิดงานเปลี่ยนแปลง วิธีการคิดราคาเปลี่ยนแปลง และผลกระทบกับงานอื่นๆในงานประเภทต่างๆไว้อีกด้วยรายการ การศึกษาวัสดุทดแทนในการก่อสร้างบ้านทรงไทยในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน(2554-09-24T04:53:12Z) รักชนก สุธรรมมาจารย์ในอดีตรูปแบบบ้านทรงไทยได้ใช้ภูมิปัญญาในการออกแบบวางผัง ตัวเรือนมีการยกใต้ถุนสูง หลังคาทรงสูงและชานเรือนขนาดใหญ่เพื่อช่วยในการระบายอากาศ ปัจจุบันการสร้างบ้านทรงไทยจากภูมิปัญญาช่างไทยลดน้อยลง เนื่องจากค่าวัสดุก่อสร้างบ้านทรงไทยที่ใช้ไม้จริงทั้งหลังมีราคาแพงและด้วยกฎหมายจำกัดการทำลายป่าไม้และสงวนพื้นที่ป่าไม้ ทำให้การจัดหาวัสดุไม้จริงยากมากขึ้น การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาราคาวัสดุทดแทนที่เหมาะสมในการก่อสร้างบ้านทรงไทยและสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน จากต้นแบบบ้านทรงไทยหนึ่งหลังมีพื้นที่รวม 143 ตารางเมตร การศึกษายังคงภูมิปัญญาในการออกแบบ แต่มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการก่อสร้างจากการเข้าลิ้นสลัก-เดือย เป็นการยึดติดแบบถาวรซึ่งต้องปรับวิธีการก่อสร้างให้เหมาะสมกับวัสดุทดแทนที่เลือกใช้ เช่น ทดแทนโครงส่วนล่างด้วยเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก โครงสร้างส่วนบนด้วยวัสดุเหล็ก และโครงสร้างส่วนกลาง ด้วยไม้เทียมพลาสติกและไฟเบอร์ซีเมนต์ ประตู-หน้าต่างด้วยแผ่นกรีนบอร์ด หลังคาด้วยกระเบื้องยางมะตอยและวัสดุทดแทนอื่นๆด้วยวิธีการเชื่อม การยึดด้วยน๊อตและสกรูเป็นต้น ผู้ศึกษาได้ทำการเปรียบเทียบราคาวัสดุไม้จริง กับวัสดุทดแทน 2 แบบ แบบที่1 ได้แก่ไม้เทียม พลาสติก(Wood Plastic Composite)กับแผ่นกรีนบอร์ดและหลังคาวัสดุกระเบื้องยางมะตอย (Asphalt Shingles) และแบบที่ 2 ได้แก่ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์(Fiber Cement)กับหลังคากระเบื้องลูกฟูกลอนเล็ก ซึ่งไม่รวมราคาค่าก่อสร้างห้องน้ำ ค่าแรง ค่าอุปกรณ์และค่าดำเนินการ จากการศึกษาพบว่าเมื่อเปรียบเที่ยบราคาวัสดุไม้จริงกับวัสดุทดแทนแบบที่ 1 ราคาลดลง 42% และแบบที่ 2 ราคาลดลง 71% ทั้งนี้ผลที่ได้จากการศึกษาเรื่องราคาวัสดุทดแทนนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งซึ่งไม่รวมค่าก่อสร้างทั้งหมด ระยะเวลาในการก่อสร้าง และคุณค่าความงามทางสถาปัตยกรรมไทยรายการ การศึกษาวัสดุทดแทนและราคาค่าก่อสร้างบ้านพักอาศัยลอยน้ำ(2554-09-24T05:03:53Z) ปาริชาต ประดิษฐ์สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในประเทศไทยที่มีความต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน ได้แผ่ขยายใน หลายพื้นที่มากขึ้น ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในทุก ๆ ปี จึงทำให้เกิดแนวคิดที่จะสร้างบ้านที่สามารถ ลอยตัวบนน้ำได้ เพื่อรองรับกับอุทกภัยที่จะเกิดขึ้น ได้แก่แนวคิดบ้านลอยน้ำของกรมโยธาธิการเมื่อปี 2551 แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมนำไปปลูกสร้าง เนื่องด้วยราคาค่าก่อสร้างสูง สำหรับประชาชนทั่วไป งานค้นคว้าฉบับนี้เป็นการเสนอแนวทางการลดต้นทุนของบ้านลอยน้ำ โดยการหาทางเลือกของวัสดุ ชนิดอื่นที่สามารถทดแทนวัสดุเดิม การแยกความเหมาะสมของวัสดุแต่ละชนิด คุณสมบัติของวัสดุ จึง เป็นทางเลือกสำหรับประชาชนทั่วไปที่อยากสร้างบ้านพักอาศัยลอยน้ำให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มี อยู่ จากการวิเคราะห์วัสดุรายการหลักที่มีผลกระทบกับราคาค่าก่อสร้างรวม เช่นงานโครงสร้างที่เน้น เรื่องความแข็งแรง ได้แก่งานเสาเข็มที่ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ งานทุ่นลอยน้ำที่เป็น หัวใจสำคัญของโครงการที่ยังคงเลือกใช้แบบของกรมโยธาธิการ แต่ปรับลดจำนวนลง และงาน สถาปัตยกรรมที่เน้นเรื่องความสวยงามในงบประมาณที่จำกัด ซึ่งบางรายการ เช่นงานราวระเบียง งาน ผนังที่ต้องมีการเสนอรูปแบบแนวทางใหม่เพื่อทำการวิเคราะห์โดยละเอียดต่อไป จากการศึกษาเปรียบเทียบวัสดุก่อสร้างตามท้องตลาด สำหรับบ้านในเมืองพบว่าราคาค่า ก่อสร้างที่สามารถลดต้นทุนทั้งหมดจำนวน 104,742 บาท คิดเป็นร้อยละ 14.5 จากราคาค่าก่อสร้าง บ้าน 1 หลังตามรูปแบบและรายการของกรมโยธาธิการ และในพื้นที่ชนบทที่สามารถหาวัสดุในพื้นถิ่น ได้โดยเฉพาะเรือนเครื่องผูกจะสามารถลดราคาค่าก่อสร้างลงได้มากกว่านี้เพราะเรือนดังกล่าวมี น้ำหนักเบารายการ การนำเอารายงานอุบัติเหตุในการทำงานก่อสร้างวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติและท่อส่งน้ำมันมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาการจัดการด้านความปลอดภัย(2554-09-24T05:21:41Z) ภากร วงตะธรรมการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุในงานก่อสร้างและเสนอแนะมาตรการ ป้องกันและเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุอย่างเป็นระบบ โดยใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล รายงานอุบัติเหตุในงานก่อสร้างด้านบุคลที่เกิดขึ้นของบริษัทข้ามชาติ ณ หน้างานก่อสร้างโครงการวาง ท่อส่งก๊าชธรรมชาติและท่อส่งน้ำมันและนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ตามวิธีการเรื่อง Accident/Incident Investigation ของ International Loss Control Institute, Inc. is a part of Det Norske Veritas Industry A/S. Modern Safety Management USA.1996 เพื่อค้นหาปัญหาและกำหนดระบบการ จัดการด้านความปลอดภัยที่เหมาะสม ผลจากการศึกษาสรุปได้ว่าในภาพร่วมของปัญหาที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุด้านบุคคลที่ต้องแก้ไข ด้วยการพัฒนาระบบการจัดการด้านความปลอดภัยที่มีอยู่แล้ว จำนวน 5 ระบบได้แก่ ระบบ การ ส่งเสริมทั่วไป เช่น ระบบการสนทนาเรื่องความปลอดภัย ระบบบทความต่าง ๆ เกี่ยวกับความ ปลอดภัย ระบบธงหรือแผ่นป้ายความปลอดภัย, ระบบการวิเคราะห์และขั้นตอนปฏิบัติงาน, ระบบ อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (ในส่วนของการบังคับใช้ให้เป็นไปตามข้อกำหนด), การตรวจสอบ และบำรุงรักษาตามแผน (การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน), ระบบการควบคุมด้านสุขภาพอนามัย ข้อเสนอแนะในการพัฒนาระบบการจัดการด้านความปลอดภัย ในกรณีที่หน่วยงานที่มี โปรแกรมทางด้านความปลอดภัยอยู่แล้วควรทบทวน ทำการปรับปรุงวิเคราะห์ระบบให้มีประสิทธิภาพ ทันต่อเทคโนโลยีก่อสร้างเสมอ และ เมื่อนำระบบการจัดการทางด้านความปลอดภัยมาใช้แล้วจำเป็นที่ จะต้องเฝ้าติดตามและตรวจวัดเพื่อประเมินผลการปฎิบัติงานว่าเป็นไปตามข้อกำหนดหรือไม่และการ ทำรายงานสอบสวนอุบัติเหตุ/เหตุการณ์ผิดปกติควรมีการตรวจสอบวัดคุณภาพของแบบฟอร์มของ รายงานสอบสวนอุบัติเหตุเพื่อเป็นประโยชน์ในการแก้ไข II การศึกษาครั้งนี้พบว่ารายงานการสอบสวนอุบัติเหตุมีรายละเอียดไม่เพียงพอ/แบบฟอร์ม รายงานอุบัติเหตุไม่ได้ปรับปรุงให้ทันสมัยเทียบกับทฤษฏีในวิชาการจัดการความปลอดภัยดังนั้นการ ตรวจสอบวัดคุณภาพของแบบฟอร์มของรายงานสอบสวนอุบัติเหตุเพื่อใช้เป็นข้อมูลในเปรียบเทียบ จะ ช่วยให้ การวิเคราะห์ถูกต้องแม่นยำขึ้นรายการ การศึกษาการนำระบบควบคุมคุณภาพ ISO 9001:2008 ไปใช้ในการปฏิบัติงานควบคุมงานก่อสร้าง กรณีศึกษา บริษัท เทซ ลิมิเด็ด จำกัด(2554-09-24T05:29:18Z) นันทชัย ก่อกิจโรจน์การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสารวจ (Survey Research) ในรูปแบบของแบบสอบถาม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการนาระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001:2008 ไปใช้ในการปฏิบัติงานควบคุมงานก่อสร้าง ระหว่างเริ่มการก่อสร้างจนถึงส่งมอบงาน ของแต่ละระดับงานในการควบคุมงานก่อสร้างของทุกประเภทโครงการภายในบริษัท เทซ ลิมิเต็ด จากัด ซึ่งจากผลการวิจัย พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม มีความเห็นและความเข้าใจเกี่ยวกับการนาระบบควบคุมคุณภาพ ISO 9001:2008 ไปใช้ในการปฏิบัติงานควบคุมงานก่อสร้างไปใช้งาน ระหว่างเริ่มการก่อสร้างจนถึงส่งมอบงาน ของแต่ละระดับงานในการควบคุมงานก่อสร้างของทุกประเภทโครงการ อยู่ในเกณฑ์ที่มีการนาไปใช้งานมาก เนื่องจากในการก่อสร้างมีการประสานงานและมีการติดต่อสื่อสารในระหว่างการก่อสร้าง ดังนั้น เอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการประสานงานจึงมีความสาคัญ โดยการที่ได้นาระบบควบคุมคุณภาพ ISO 9001:2008 ไปใช้ในการปฏิบัติงานควบคุมงานก่อสร้างจึงมีความสาคัญและเป็นประโยชน์ในการควบคุมงานก่อสร้างเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในส่วนของงานบริษัทวิศวกรที่ปรึกษางานก่อสร้าง ซึ่งต้องประสานงานกับทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในโครงการก่อสร้าง อาทิเช่น ฝ่ายเจ้าของโครงการ ฝ่ายผู้ออกแบบ และฝ่ายผู้รับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น และจากการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบจากการนาระบบควบคุมคุณภาพ ISO 9001:2008 ไปใช้ในการปฏิบัติงานควบคุมงานก่อสร้าง ระหว่างเริ่มการก่อสร้างจนถึงส่งมอบงาน ของแต่ละระดับงานในการควบคุมงานก่อสร้างของทุกประเภทโครงการ พบว่า อยู่ในเกณฑ์ที่มีผลกระทบในการนาไปใช้งานปานกลาง เนื่องจากการนาระบบควบคุมคุณภาพ ISO II 9001:2008 ไปใช้ในการปฏิบัติงานควบคุมงานก่อสร้างนั้น จะมีระบบเอกสารต่างๆ จานวนมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบในการนาไปใช้หากผู้ที่นาไปใช้ขาดความรู้ความเข้าใจในระบบเอกสารควบคุมคุณภาพ ISO 9001:2008 และอาจขาดการแนะนาให้กับทางผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในโครงการก่อสร้างเข้าใจในระบบควบคุมคุณภาพ ISO 9001: 2008 แล้ว ก็จะมีผลกระทบต่อการนาไปใช้ในการควบคุมงานก่อสร้างรายการ ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้softwareวางแผนงานก่อสร้างของผู้รับเหมาโครงการบ้านจัดสรร : กรณีศึกษา บริษัทลาภพูนผลจำกัด(2554-09-24T05:41:01Z) กิจอนันต์ สิริลาภพูนผลปัจจุบันการใช้คอมพิวเตอร์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกองค์กร จึงได้นำเรื่องนี้มาศึกษา เป็นการค้นคว้าอิสระเรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้ softwareวางแผนงานก่อสร้างของผู้รับเหมาโครงการบ้านจัดสรร : กรณีศึกษา บริษัทลาภพูนผลจำกัด มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการตัดสินใจของผู้ประกอบการและผู้ปฏิบัติงานด้านการวางแผนงานก่อสร้างของ บริษัทลาภพูนผลจำกัด ตอการเลือกใชโปรแกรมวางแผนงานก่อสร้างของผู้รับเหมาโครงการบ้านจัดสรร ได้ทำการศึกษาคุณสมบัติจากโปรแกรม รวมถึงงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับปัจจัยในการเลือก และ การตัดสินใจต่างๆ โดยสำรวจความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องกับงานวางแผนการก่อสร้างในบริษัท คือเจ้าของโครงการ วิศวกรที่ปรึกษา รวมถึงผู้ที่เคยใช้โปรแกรมวางแผนงานก่อสร้าง ด้วยวิธีการสัมภาษณ์ การตอบแบบสอบถาม การประเมินด้วยการใช้ระบบคะแนน (Scoring System ) และวิเคราะห์ ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจ ใช้ข้อมูลที่หามา วัดความแตกต่าง จากการศึกษาพบว่า ในงานด้านการวางแผนก่อสร้างของบริษัท จะไม่ค่อยมีความซับซ้อนมากหนัก เพราะจำนวน ของงานเล็กน้อย และงบประมาณทางด้านการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศยังมีอยู่อย่างจำกัด และการประเมินจะคำนึงถึงปัจจัยทั้งหมด 4 ด้านคือ ด้านราคา ด้านประสิทธิภาพ ด้านชื่อเสียง และด้านการบริการหลังการขาย สรุปผลการศึกษาได้ว่า ด้านประสิทธิภาพของโปรแกรมจะมีการพิจารณามากที่สุด เพราะจากประสบการณ์ด้านการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่มีน้อย ต้องหาโปรแกรมที่มีความง่าย ส่วนด้านที่พิจารณารองลงมาคือด้านราคา เพราะกิจการที่มีขนาดเล็ก มีเงินทุนไมมาก ตองเลือกซื้อโปรแกรมที่เหมาะสมกับเงินลงทุนที่มีอยู่ อย่างจำกัดรายการ การศึกษาปัจจัยที่มีผลกระทบต่อคุณภาพงานโครงสร้าง คสล. กรณีศึกษาอาคารชุดพักอาศัย 12ชั้น โครงการบ้านซอย 19(2554-09-24T06:04:34Z) ประวัติ ลิกานอกจากงบประมาณและเวลาในการก่อสร้างแล้ว ปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในการบริหารโครงการก่อสร้างก็คือ คุณภาพของงาน โดยที่คุณภาพของโครงสร้าง คสล.นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการด้วยกัน การนำเสนอผลวิจัยเกี่ยวกับปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อคุณภาพของโครงสร้างรายการ ความขัดแย้ง และสาเหตุความขัดเแย้งระหว่างบุคลากรภายในองค์กร รับเหมางานก่อสร้างที่ทำให้ส่งผลกระทบต่อความล่าช้าของงาน(2554-09-24T06:20:27Z) รณรงค์ กระจ่างยศปัจจุบันการประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้าไปเกี่ยวข้องกับองค์กรอื่น ๆ มากมาย เช่นสถาปนิกออกแบบ, วิศวกร, ร้านค้าบริษัทวัสดุก่อสร้างรายการ การศึกษาปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการควบคุมต้นทุนในการรับเหมาก่อสร้าง(2554-09-24T06:36:10Z) เอกมล ปราบแสนพ่ายการศึกษาเรื่อง “ การศึกษาปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการควบคุมต้นทุนในการรับเหมาก่อสร้าง งานอาคารสูง เขตกรุงเทพฯ “ ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อค้นหาแนวทางในการควบคุมต้นทุนในการรับเหมาก่อสร้างงานอาคารสูง เขตกรุงเทพฯ 2) เพื่อศึกษาแนวทางในการควบคุมต้นทุนของผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานอาคารสูง เขตกรุงเทพฯ 3) เพื่อค้นหาปัจจัยที่มีผลต่อการเพิ่มและลดต้นทุนในการรับเหมาก่อสร้างงานอาคารสูง เขตกรุงเทพฯ 4) เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุของปัจจัยต่างๆเหล่านั้นได้ 5) เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านั้นได้ โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ กลุ่มสถาปนิกวิศวกรที่ปรึกษาโครงการและกลุ่มผู้รับเหมาหลัก ในงานอาคารสูงที่มีที่ตั้งของโครงการอยู่ในเขตกรุงเทพฯ จานวน 20 โครงการ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลแบบสอบถามเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า ชนิด 5 ระดับ และแบบสอบถามแบบปลายเปิด สถิติที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการจัดลาดับ ผลศึกษาครั้งนี้ พบว่า ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการควบคุมต้นทุนในการรับเหมาก่อสร้างงานอาคารสูง เขตกรุงเทพฯ โดยรวมปัจจัยที่มีผลกระทบอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อเปรียบเทียบปัจจัยที่มีผลกระทบเป็นรายด้าน พบว่า ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการควบคุมต้นทุนมากที่สุด คือ ปัจจัยด้านต้นทุนแรงงาน และปัจจัยด้านต้นทุนวัสดุ มีผลกระทบอยู่ในระดับปานกลาง II ซึ่งข้อเสนอแนะแนวทางในการควบคุมต้นทุนของปัจจัยดังกล่าว ได้แก่ ควรมีการบริหารจัดการเกี่ยวกับแรงงานที่ชัดเจนในเรื่องของเวลาการทางาน และมีการสร้างระบบการจัดซื้อจัดหาวัสดุที่มีคุณภาพให้มากขึ้นรายการ แนวทางปรับปรุงระบบ e-AUCTION ในการจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างภาครัฐ(2554-09-24T07:08:24Z) วันชัย สรรพสุปัญญาการศึกษานี้เพื่อหาแนวทางปรับปรุง e-Auction ในการจัดซื้อจัดจ้างงานก่อสร้างภาครัฐ เพื่อทราบถึงสภาพปัญญาอุปสรรค และข้อบกพร่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นของหน่วยงานภาครัฐจากการดำเนินงานจัดซื้อจัดจ้างรายการ การประเมินความปลอดภัยด้านอัคคีภัยในอาคาร กรณีศึกษา อาคารสถานศึกษา 14 ชั้น(2554-09-24T07:44:56Z) ฐานันต์ วชิรศักดิ์ชัยการค้นคว้าอิสระนี้เป็นการประเมินความปลอดภัยด้านอัคคีภัยในอาคาร โดยเลือก อาคารสถานศึกษา แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เป็นกรณีศึกษา เนื่องด้วยเป็นอาคารที่ได้รับ ใบอนุญาตก่อสร้างในปี พ.ศ. 2532 ก่อนการบังคับใช้กฎกระทรวงฉบับที่ 33 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อ พ.ศ. 2532 กฎกระทรวงฉบับที่ 33 เป็นกฎหมายควบคุมอาคารที่มีการกำหนดให้อาคารสูงและ อาคารขนาดใหญ่พิเศษต้องจัดให้มีระบบป้องกันอัคคีภัยตามที่กฎหมายกำหนด ด้วยเหตุนี้ทำให้ อาคารกรณีศึกษา ไม่ได้จัดให้มีระบบป้องกันอัคคีภัยตามที่กฎหมายกำหนด ความปลอดภัยด้านอัคคีภัยถือว่าเป็นส่วนสำคัญและเป็นพื้นฐานในการบริหาร ทรัพยากรอาคาร เนื่องจากอัคคีภัยถือเป็นอุบัติภัยที่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และ ชื่อเสียงอย่างสูง โดยเฉพาะอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษ ซึ่งมีผู้ใช้อาคารเป็นจำนวนมาก การประเมินความปลอดภัยด้านอัคคีภัยสำหรับอาคารกรณีศึกษา จะทำให้ทราบถึง ข้อบกพร่องในด้านการป้องกันอัคคีภัย นำไปสู่การวิเคราะห์หาแนวทางในการแก้ไขและปรับปรุง การศึกษานี้ได้นำเอาข้อกำหนดด้านการป้องกันอัคคีภัยตามกฎกระทรวงฉบับที่ 33 (แก้ไขเพิ่มเติม โดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 42 (พ.ศ. 2537) และกฎกระทรวง ฉบับที่ 50 (พ.ศ. 2540)) มาจัดทำเป็น แบบสำรวจและประเมิน การเก็บข้อมูลดำเนินการ โดยสอบถามข้อมูลจากผู้จัดการอาคาร แบบ และเอกสารต่าง ๆ ของอาคาร และจากการสำรวจโดยตนเอง ข้อบกพร่องและจุดเสี่ยงที่พบจาก การสำรวจและประเมินจะนำมาวิเคราะห์หาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ และนำ วิเคราะห์แนวทางในการปรับปรุงต่อไป III ผลการสำรวจและประเมินความปลอดภัยด้านอัคคีภัยของอาคารกรณีศึกษา พบ ข้อบกพร่องทั้งหมด 22 รายการ จากรายการที่ทำการสำรวจทั้งหมด 42 รายการ โดยเป็นสภาพที่ ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดในกฎหมาย 19 รายการ และปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎหมายแต่ขณะทำ การสำรวจพบว่าอยู่ในสภาพที่ใช้การไม่ได้ 3 รายการ เมื่อได้ทำการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจ เกิดขึ้นเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการแก้ไขปรับปรุงและเตรียมพร้อม รับมือเหตุอัคคีภัย ในการเสนอแนวทางแก้ไขปรับปรุงนั้น ได้คำนึงถึงความรุนแรงของผลกระทบที่อาจ เกิดขึ้นเมื่อเกิดเหตุและความยากในการปรับปรุง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้จัดการอาคารและ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยในการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงให้อาคารมีความปลอดภัย ซึ่งความปลอดภัย ถือเป็นความต้องการพื้นฐานของผู้ใช้อาคาร และเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอในการ บริหารทรัพยากรอาคาร ในส่วนสุดท้าย ได้นำเสนอแนวทางในการจัดทำแผนการบริหารจัดการความปลอดภัย ด้านอัคคีภัย ซึ่งเป็นการกำหนดหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ แผนการดำเนินงาน การตรวจสอบ และการ ติดตามประเมินผล ซึ่งผู้เกี่ยวข้องสามารถนำไปพัฒนาต่อเพื่อใช้เป็นแผนในการดำเนินงานสำหรับ อาคารในเรื่องการป้องกันอัคคีภัย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนรายการ การบริหารอาคารชุดพักอาศัยคอนโคมิเนียมระดับสูง กรณีศึกษา อาคารชุดอกัสตัน สุขุมวิท 22(2554-09-24T07:52:15Z) ตฤษนันท์ บุญมั่งการศึกษาเรื่องความพึงพอใจของผู้พักอาศัยอาคารชุดนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อหาสิ่งที่ เป็นความพอใจ และไม่พอใจในสิ่งที่บริษัทผู้บริหารอาคารชุดได้ดำเนินการอยู่ เพื่อนำข้อมูลจากผู้ พักอาศัย มาปรับปรุงงานของการบริหารงานอาคารชุด ของบริษัท ABC จำกัด ให้เกิดการพัฒนา และก้าวหน้าโดยเฉพาะด้านบุคลากร และการสรรหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีนวัตกรรมที่ทันสมัยมา รองรับความต้องการของผู้พักอาศัยอาคารชุดรวมถึงการวางแผนการก่อสร้างและการจำหน่าย อาคารชุดในอนาคตซึ่งจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อีกด้วยโดยมีแบบสัมภาษณ์ ผู้พักอาศัยอาคารชุดในเรื่องความพึงพอใจในด้านต่างๆ การเข้าร่วมกิจกรรม และการบริหารจัดการ อาคารชุดเป็นเครื่องมือในการศึกษา และขอบเขตการศึกษาครอบคลุมเฉพาะความต้องการความ คิดเห็นของผู้ที่ได้พักและอาศัยในอาคารชุดที่มีต่อ บริษัท ABC จำกัด ผู้บริหารงานอาคารให้เท่านั้น ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2553 ถึงเดือนกันยายน 2553 กรอบแนวคิดในการศึกษา กำหนดแนวทฤษฎีของกลยุทธ์ระดับองค์กร กลยุทธ์ระดับธุรกิจ และกลยุทธ์ระดับหน้าที่ ใน การศึกษามุ่งเน้นเรื่องความต้องการ ความพึงพอใจ ความคิดเห็นต่อการบริหารงานอาคารชุดของ บริษัทผู้บริหารอาคารชุด ผลการศึกษาพบว่า ผู้พักอาศัยอาคารชุดมีความพึงพอใจกับการให้บริการ ของทีมงานฝ่ายจัดการอาคารชุดเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริการด้านต่างๆ ความเป็นผู้มี หัวใจในการบริการแก่ผู้พักอาศัยอาคารชุดทุกคนจากทีมงานฝ่ายจัดการ ตลอดจนการแจ้งกลับ ข่าวสารอย่างถูกต้องรวดเร็วแก่ผู้พักอาศัย จึงเกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจในการบริหารงาน ความ ปลอดภัยและความสะอาดก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้พักอาศัยต้องการมากเช่นกัน แม้แต่เรื่องการจัดห้อง สันทนาการ สระว่ายน้ำ ซึ่งผู้พักอาศัยก็ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่ยังเป็นปัญหาและ อุปสรรคสำคัญของงานบริหาร คือความร่วมมือจากผู้พักอาศัยอาคารชุดยังมีระดับที่ไม่มากนักใน การเข้าร่วมกิจกรรมที่ทางฝ่ายบริหารจัดขึ้น สิ่งที่ควรนำเข้ามาเสริมในการบริหารจัดการคือ มี หน่วยงานลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) เพื่อเป็นตัวกลางในการเชื่อมประสานกับผู้พักอาศัยอาคารชุดให้ เข้าร่วมกิจกรรมหรือการเข้าร่วมสรรหาความคิดในการบริการด้านต่างๆ ที่ผู้พักอาศัยมีความพึง พอใจสูงสุด ข้อเสนอแนะ บริษัทผู้บริหารงานอาคารชุด ควรนำข้อมูลเข้าเกี่ยวข้องกับ การจัดกิจกรรมเพื่อให้สัมพันธ์ต่อกลุ่มของผู้พักอาศัยให้มากที่สุด โดยคำนึงถึงอายุ เพศ อาชีพ ความ ต้องการ ระยะเวลาเดินทางจากบ้านไปทำงาน และจากที่ทำงานถึงบ้าน ซึ่งโดยสรุปคือ ด้านการ บริการ ต้องทำให้ตรงจุดที่ลูกค้าต้องการ ต้องให้บริการที่มีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว ถูกต้อง รวมถึงการพัฒนาบุคลากรในหน่วยงานของบริษัท ผู้บริหารงานอาคารชุดได้มีความรู้ ความชำนาญ มากขึ้น และยังมีการเสริมทักษะด้านต่างๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อบริการผู้พักอาศัยอาคารชุดให้ได้ตรง ตามต้องการมากที่สุดใส่ข้อความ คำสำ