CMU-09. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท
URI ถาวรสำหรับคอลเล็กชันนี้
เรียกดู
กำลังเรียกดู CMU-09. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท โดย วันที่ออก{{beginningWith}}
ตอนนี้กำลังแสดง1 - 20 ของ 89
ผลลัพธ์ต่อหน้า
ตัวเลือกเรียงลำดับ
รายการ กรณีศึกษากลยุทธ์การสร้างมายาคติจากสื่อโฆษณาของการท่องเที่ยวไทย(2555) กมลวรรณ ศิริวันต์การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเพื่อวิเคราะห์ กลยุทธ์สื่อโฆษณา เนื้อหา รูปภาพ การนำเสนอชิ้นงานโฆษณาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยใช้มายาคติในการสื่อสารเพื่อจูงใจนักท่องเที่ยว รวมไปถึงศึกษาอัตราของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยในภูมิภาคจังหวัดที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ทำสื่อโฆษณาเผยแพร่ออกมา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยที่มีประสบการณ์การเดินทางโดยถูกอิทธิพลการจูงใจด้วยการสื่อสารโฆษณาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จำนวน 30 คน ด้วยการสัมภาษณ์จากการสุ่มตัวอย่างโดยบังเอิญ...รายการ การเปิดรับ และทัศนคติ ของผู้บริโภคต่อสื่อ ณ จุดขาย ภายในห้าง Super Center : กรณีศึกษาห้าง Tesco Lotus ในเขตกรุงเทพมหานคร(2555-11-21T04:27:26Z) นที แสงพลายการวิจัยครั้งนี้มัวัตถุประสงค์ 1)ศึกษาการเปิดรับ และทัศนคติของผู้บริโภคต่อสื่อ ณ จุดขายภายในห้าง Super Center การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริโภคที่มาใช้บริการภายในห้าง Super Center จำนวน 406 คน...รายการ รูปแบบการโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำหรับผู้หญิงในสื่อนิตยสาร(2555-11-21T04:36:49Z) นริศรา ตันสรานุวัฒน์การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)ศึกษารูปแบบการโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำหรับผู้หญิงในสื่อนิตยสาร 2)เพื่อเปรียบเทียบรูปแบบการโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำหรับผู้หญิงจำแนกตามประเภทของผลิตภัณฑ์ 3)เพื่อเปรียบเทียบรูปแบบการโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำหรับผู้หญิงในประเทศและต่างประเทศ ทำการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ ในการวิเคราะห์ตัวบทในสื่อนิตยสารสำหรับผู้หญิง 2 ฉบับ คือ นิตยสารคลีโอ และ เซเว่นทีน จำนวน 60ฉบับ...รายการ พฤติกรรมการเปิดรับและทัศนคติของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครที่มีต่อละครเรื่อง สายน้ำ สามชีวิต ของบริษัท เป่า จิน จง จำกัด(2555-11-21T04:48:09Z) นัฐยา อุ่นใจการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)ศึกษาพฤติกรรมการเปิดรับและทัศนคติของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครที่มีต่อละครเรื่อง สายน้ำ สามชีวิต 2) ศึกษาทัศนคติของประชาชนที่มีต่อละครเรื่องสายน้ำ สามชีวิต 3)เพื่อเปรียบเทียบทัศนคติของประชาชนที่มีปัจจัยทางประชากรศาสตร์ต่างกัน ต่อละครเรื่องสายน้ำ สามชีวิต เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ประชาชนที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร 400 คน การวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย การทดสอบค่าที และการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียวรายการ การเปิดรับ และทัศนคติของผู้ชมที่มีต่อละครพื้นบ้านทางโทรทัศน์(2555-11-21T04:55:24Z) ศนิษา รัตนจันทร์การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)ศึกษาถึงลักษณะการเปิดรับชมละครพื้นบ้านทางโทรทัศน์ของผู้ชม 2)ศึกษาทัศนคติของผู้ชมที่มีต่อละครพื้นบ้านทางโทรทัศน์ 3)เปรียบเทียบปัจจัยทางประชากรศาสตร์ที่มีผลต่อลักษณะการเปิดรับชมและทัศนคติของผู้ชมที่มีต่อละครพื้นบ้านทางโทรทัศน์ ...รายการ การรับรู้ ความเข้าใจและทัศนคติของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีต่อสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ของ "โครงการคุณธรรมนำไทย"กรณีศึกษาภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ ชุด "ผู้นำคุณธรรม"(2555-11-21T07:38:52Z) ดาราวรรณ ประพัฒน์การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการรับรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีต่อสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ของ โครงการคุณธรรมนำไทย กรณีศึกษาภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ชุด ผู้นำคุณธรรม รวมทั้งศึกษาการเปรียบเทียบการรับรู้ ความเข้า และทัศนคติของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาคณะรัฐศาสตร์และคณะนิเทศศาสตร์ในเขตกรุงเทพมหานครที่มีสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ของ โครงการคุณธรรมนำไทย กรณีศึกษาภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ชุด ผู้นำคุณธรรม ...รายการ ทัศนคติของวัยรุ่นต่อผลกระทบของนิตยสารบันเทิงประเภทปาปารัซซี่(2555-11-21T07:44:57Z) ธนัชชา โสมเกษตรินทร์การศึกษาเรื่อง “ทัศนคติของวัยรุ่นต่อผลกระทบของนิตยสารบันเทิงประเภทปาปารัซซี่” เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเปิดรับ ทัศนคติของวัยรุ่นต่อผลกระทบของนิตยสารบันเทิงประเภทปาปารัซซี่ และความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางประชากรศาสตร์ พฤติกรรมการเปิดรับ กับทัศคติของวัยรุ่นต่อผลกระทบของนิตยสารบันเทิงประเภทปาปารัซซี่ ผู้วิจัยใช้แบบสอบถาม จำนวน 400 ชุด และการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview)จำนวน 20 คน เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 13-21 ปี ในเขตกรุงเทพฯ...รายการ การรับรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครต่อสัญลักษณ์ระบุระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์(2555-11-21T07:49:18Z) วิทวัช แซ่พุ่นการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อศึกษา การรับรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครต่อสัญลักษณ์ระบุระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์ 2)เพื่อศึกษาพฤติกรรมของประชาชนกับการรับชมสัญลักษณ์ระบุระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์ 3)เพื่อศึกษาถึงปัจจัยที่มีผลต่อการรับรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครต่อสัญลักษณ์ระบุระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์...รายการ การเปรียบเทียบภาพลักษณ์จริงกับภาพลักษณ์ที่พึงประสงค์ของสำนักงานการกีฬา มหาวิทยาลัยศรีปทุม(2555-11-21T07:53:44Z) สกิณา ปาทานการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา และเปรียบเทียบภาพลักษณ์จริงกับภาพลักษณ์ที่พึงประสงค์ ของสำนักงานการกีฬา มหาวิทยาลัยศรีปทุม ตามความคิดเห็นของนักกีฬาทุนมหาวิทยาลัยศรีปทุม กลุ่มตัวอย่างเป็นนักกีฬาทุนของมหาวิทยาลัยศรีปทุม 169 คน ซึ่งสุ่มตัวอย่างแบบง่ายด้วยการจับฉลาก เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม แบบมาตราส่วนประมาณค่า ชนิดกำหนดคำตอบเป็น 5 ระดับ จำนวน 50 ข้อ โดยมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.96 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยใช้สถิติ t-test…รายการ พฤติกรรมการรับฟังวิทยุ และการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือสังคมของผู้ฟังรายการร่วมด้วยช่วยกันในเขตกรุงเทพมหานคร(2555-11-21T08:02:16Z) สุกัญญา มากล้นในการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการรับฟังวิทยุของผู้ฟังรายการร่วมด้วยช่วยกันในเขตกรุงเทพมหานคร (2) เพื่อเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือสังคม ของผู้ฟังรายการร่วมด้วยช่วยกัน ในเขตกรุงเทพมหานคร จำแนกตามพฤติกรรมการรับฟังวิทยุของผู้ฟังรายการร่วมด้วยช่วยกัน(3)เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของรูปแบบการนำเสนอกับการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือสังคม ของผู้ฟังรายการร่วมด้วยช่วยกัน ในเขตกรุงเทพมหานคร...รายการ การสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการกับพฤติกรรมการเปิดรับที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี : กรณีศึกษา นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยศรีปทุม(Sripatum University, 2561-05-20) สันติ ธนลาภอนันต์การศึกษาวิทยานิพนธ์เรื่อง "การสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการกับพฤติกรรมการเปิดรับที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี : กรณีศึกษา นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยศรีปทุม" เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative) มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยศรีปทุมศึกษาพฤติกรรมการเปิดรับการสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยศรีปทุม ศึกษาการสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล พฤติกรรมการเปิดรับ การสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการและการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยศรีปทุมรายการ กลยุทธ์การสื่อสารแบรนด์ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบความสำเร็จ(Sripatum University, 2563) นันทรัตน์ อรรถยากรงานวิจัยเรื่อง "กลยุทธ์การสื่อสารแบรนด์ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบความสำเร็จ" นี้ เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพที่มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการวางแผนกลยุทธ์การสื่อสารแบรนด์ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อศึกษารูปแบบการสื่อสารแบรนด์ที่ส่งผลต่อความสำเร็จของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และเพื่อนำเสนอรูปแบบกลยุทธ์การสื่อสารของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบความสำเร็จรายการ แนวทางการสื่อสารเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าผ่านเฟซบุ๊กเพจกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช(Sripatum University, 2563) อัจจิมา สำเภาเงินการวิจัยเรื่อง "แนวทางการสื่อสารเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าผ่านเฟซบุ๊กเพจกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช" เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยทำการศึกษาการสื่อสารข้อมูลเฟซบุ๊กเพจกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช การมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าของผู้ติดตามเฟซบุ๊กเพจและแนวความคิดของกลุ่มผู้ติดตามเฟซบุ๊กเพจของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่มีต่อรูปแบบและข้อมูลข่าวสารที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฯรายการ การรู้เท่าทันสื่อของนักศึกษาในกรุงเทพมหานคร : กรณีศึกษา การส่งต่อสื่อวิดีโอและภาพยนตร์ในสื่อสังคมออนไลน์(Sripatum University, 2564) วันฉัตร กันหาการศึกษาวิทยานิพนธ์เรื่อง "การรู้เท่าทันสื่อของนักศึกษาในกรุงเทพมหานคร : กรณีศึกษา การส่งต่อสื่อวิดีโอและภาพยนตร์ ในสื่อสังคมออนไลน์" มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมการใช้สื่อสังคมออนไลน์ 2) เพื่อศึกษาการรู้เท่าทันสื่อของนักศึกษาในกรุงเทพมหานคร : กรณีศึกษาการส่งต่อสื่อวิดีโอและภาพยนตร์ ในสื่อสังคมออนไลน์ 3) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการส่งต่อสื่อวิดีโอ และภาพยนตร์ผ่านเฟซบุ๊ก (Facebook) และไลน์ (LINE)รายการ ทัศนคติและความพึงพอใจเพื่อการใช้ประโยชน์ของผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2564) อรวรางศ์ คนเพียรการวิจัยเรื่อง ทัศนคติและความพึงพอใจเพื่อการใช้ประโยชน์ของผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา 1) ลักษณะทางประชากรศาสตร์ที่ส่งผลต่อการนำไปใช้ประโยชน์ของผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์ 2) การเปิดรับข่าวของผู้อ่านที่ส่งผลต่อการนำไปใช้ประโยชน์ของผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์ 3) ทัศนคติของผู้อ่านที่ส่งผลต่อการนำไปใช้ประโยชน์ของผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์ และ 4) ความพึงพอใจของผู้อ่านที่ส่งผลต่อการนำไปใช้ประโยชน์ของผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์ โดยวิธีวิเคราะห์เชิงปริมาณจากกลุ่มตัวอย่างคือ กลุ่มคนที่อ่านไทยรัฐออนไลน์ จำนวน 400 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลโดยโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ สถิติเชิงพรรณนาที่ใช้ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานการวิจัยโดยสถิติเชิงอนุมาน ซึ่งใช้การใช้เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยสำหรับประชากรกลุ่มตัวอย่างสองกลุ่มที่เป็นอิสระต่อกัน (T-test independence) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way Analysis of Variance) ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 292 คน คิดเป็นร้อยละ 73 อายุตั้งแต่ 31-40 ปี จำนวน 167 คน คิดเป็นร้อยละ 41.8 สถานภาพโสด จำนวน 248 คน คิดเป็นร้อยละ 62 การศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน 275 คน คิดเป็นร้อยละ 68.8 อาชีพพนักงานเอกชน จำนวน 163 คน คิดเป็นร้อยละ 40.8 มีรายได้ต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป จำนวน 115 คน คิดเป็นร้อยละ 28.8 อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 261 คน คิดเป็นร้อยละ 65.3รายการ พฤติกรรมการเปิดรับและการใช้ประโยชน์จากสื่อสังคมออนไลน์ที่มีผลต่อการเรียนของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2564) กรรณิกา พุทธรักษาการวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาลักษณะทางประชากรของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ดรงเรียนคริสเตียนวิทยาลัย 2) ศึกษาพฤติกรรมการเปิดรับสื่อสังคมออนไลน์นักเรียนระดับมัธยมสึกษา โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย 3) ศึกษาการใช้ประโยชน์จากสื่อสังคมออนไลน์นักเรียนระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และ 4) ศึกษาการเรียนของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนกรกุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย จำนวน 353 คน การศึกษาครั้งนี้ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติไคสแควร์ (Chi-Square) ในการทดสอบความสัมพันธ์ การเปรียบเทียบต่าเฉลี่ยสำหรับประชากรกลุ่มตัวอย่างสองกลุ่มที่เป็นอิสระต่อกัน (T-test independence)การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way Analysis of Variance) เมื่อพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติจึงทำการทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่โดยวิธีของเชฟเฟ่ (Scheffe) และใช้ค่าสถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (Pearson's correlation) เพื่อทดสอบความสัมพันธ์รายการ พฤติกรรมและทัศนคติที่มีผลต่อการติดตามชมรายการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ผ่านทีวีดิจิทัลในเขตกรุงเทพมหานคร(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2564) ชญาภา พงศ์สุภาชาคริตงานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาลักษณะทางประชากรศาสตร์ที่มีต่อการติดตามชมรายการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งผ่านทีวีดิจิทัลในเขตกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเปิดรับมีผลต่อการติดตามชมรายการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งผ่านทีวีดิจิทัลในเขตกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อศึกษาทัศนคติต่อการติดตามชมรายการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งผ่านทีวีดิจิทัลในเขตกรุงเทพมหานคร 4) เพื่อศึกษาการติดตามชมรายการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งผ่านทีวีดิจิทัลในเขตกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างจากการงวิจัยครั้งนี้ 400 คน ซึ่งเป็นผู้ชมในเขตกรุงเทพมหานครที่รับชมรายการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ใช้สถิติ 2 แบบ คือ สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ความถี่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ t-test, One-Way ANOVAรายการ พฤติกรรมการเปิดรับ ทัศนคติ และการตัดสินใจรับชม สื่อบันเทิงใน Netflix ของเจนเนอเรชั่น Y(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2564) ปวัตน์ แซ่บางการศึกษาวิทยานิพนธ์เรื่อง “พฤติกรรมการเปิดรับ ทัศนคติ และการตัดสินใจรับชมสื่อบันเทิงใน Netflix ของเจนเนอเรชั่น Y” ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะทางประชากรศาสตร์ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจรับชมสื่อบันเทิงใน Netflix ของเจเนอเรชั่น Y ศึกษาพฤติกรรมการเปิดรับชมสื่อบันเทิงใน Netflix ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจรับชมสื่อบันเทิงใน Netflix ของเจเนอเรชั่น Y ศึกษาทัศนคติที่มีต่อสื่อบันเทิงใน Netflix ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจรับชมสื่อบันเทิงใน Netflix ของ เจเนอเรชั่น Y และเพื่อศึกษาการตัดสินใจรับชมสื่อบันเทิงใน Netflix ของเจเนอเรชั่น Y เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ใช้แบบสอบถามจำนวน 400 ชุด กลุ่มตัวอย่างเป็นบุคคลทั่วไปที่มีอายุ 17-36 ปี เก็บข้อมูลด้วยวิธีการเผยแพร่แบบสอบถามในโซเซียลมีเดีย คือ เฟซบุ๊ก แฟนเพจจำนวน 8 เพจ ประกอบด้วย สมาคมผู้คลั่งไคล้ SuperHero หนังโปรดของข้าพเจ้า ขอบ สหนัง สาม ก. คอหนัง อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก JUST ดู IT Viewfinder Fanpage และ คอเป็นหนัง ทั้งนี้ดำเนินการวิเคราะห์ เพื่อหาคำตอบด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป โดยการวิเคราะห์ สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) การคิดหาค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (X ̅) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) สถิติเชิงอนุมาน (Inferential Statistics) ใช้ค่าสถิติทดสอบค่าที่ (t-test) กรณีตัวแปรสองกลุ่ม และการทดสอบค่า (f-test) ด้วยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA)รายการ ปัจจัยที่ส่งผลต่อความพึงพอใจดาร์กเพจของประชาชน(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2564) อุไรวรรณ พ่วงเอี่ยมงานวิจัยเรื่อง “ปัจจัยที่ส่งผลต่อความพึงพอใจดาร์กเพจของประชาชน” นี้ เป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาลักษณะทางประชากรศาสตร์ที่ส่งผลต่อความพึงพอใจดาร์กเพจ 2) ศึกษาปัจจัยทางด้านพฤติกรรมการใช้ที่ส่งผลต่อความพึงพอใจดาร์กเพจ 3) ศึกษาปัจจัยทางด้านลักษณะของดาร์กเพจที่ส่งผลต่อความพึงพอใจ และ 4) ศึกษาความพึงพอใจดาร์กเพจของประชาชน ด้านบทบาทของสื่อมวลชน การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) โดยใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) กลุ่มตัวอย่างคือ ประชาชนบนโลกออนไลน์ที่กดติดตามเฟซบุ๊กแฟนเพจประเภทดาร์กเพจ อย่างน้อยเพจใดเพจหนึ่ง ใน 4 เพจ ต่อไปนี้ คือ เพจอีจัน เพจอีเจี๊ยบเลียบด่วน เพจแหม่มโพธิ์ดำ และ เพจ Drama Addict จำนวน 400 คน โดยเครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามออนไลน์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วยสถิติการจำแนกความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Analysis) ทดสอบความแตกต่างโดยใช้สถิติแบบ ค่า t-test และ ค่า F-test และทดสอบความสัมพันธ์โดยใช้ค่าสถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (Pearson's Correlation) ผลการศึกษาพบว่า ประชาชนผู้ใช้ดาร์กเพจ ใช้โทรศัพท์มือถือในการใช้งานมากที่สุด โดยใช้งานดาร์กเพจบ่อยสุดในช่วงเวลา 18.01 - 21.00 น. และมีความถี่ในการเข้าชม 2-5 ครั้งต่อวัน โดยเหตุผลในการเข้าใช้งานดาร์กเพจมากที่สุดเพราะมีเนื้อหาที่ตนเองสนใจ ส่วนปัจจัยทางด้านลักษณะของดาร์กเพจที่ส่งผลต่อความพึงพอใจของประชาชนมากที่สุดคือ ด้านการช่วยเหลือสังคม และความพึงพอใจดาร์กเพจของผู้ติดตามเฟซบุ๊กแฟนเพจประเภทดาร์กเพจอยู่ในระดับมาก โดยผู้ติดตามเฟซบุ๊กแฟนเพจประเภทดาร์กเพจมีความพึงพอใจในเรื่องการรายงานเหตุการณ์ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมากที่สุดรายการ การพัฒนารูปแบบรายการข่าวต่างประเทศ ในยุคทีวีดิจิทัล(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2564) พรดนัย วัลยาภิรมย์วิทยานิพนธ์เรื่อง “การพัฒนารูปแบบรายการข่าวต่างประเทศ ในยุคทีวีดิจิทัล” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงทัศนคติและการนำไปใช้ประโยชน์ของผู้ชมรายการข่าวต่างประเทศในยุคทีวีดิจิทัล ทั้งนี้ทำการศึกษาโดยใช้วิธีวิจัยเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถาม จำนวน 400 ชุด เป็นเครื่องมือในการวิจัยและเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างใน 8 เขตการปกครองของกรุงเทพมหานคร จำนวนเขตละ 50 ชุด โดยผู้วิจัยสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอนและนำมาวิเคราะห์ข้อมูล โดยกลุ่มตัวอย่าง 400 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย คิดเป็นร้อยละ 56.0 และเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 44.00 ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า เพศ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพและรายได้ของกลุ่มตัวอย่างที่แตกต่างกัน มีพฤติกรรมในการเปิดรับชมรายการข่าวต่างประเทศในยุคทีวีดิจิทัลต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ขณะที่พฤติกรรมการเปิดรับชมรายการข่าวต่างประเทศที่แตกต่างกันส่งผลให้เกิดความแตกต่างในทัศนคติต่อการรายงานข่าวต่างประเทศในยุคทีวีดิจิทัล ส่วนลักษณะทางประชากรศาสตร์ที่ต่างกัน ได้รับประโยชน์จากการรายงานข่าวต่างประเทศในยุคทีวีดิจิทัลแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 และพฤติกรรมการเปิดรับการรายงานข่าวต่างประเทศต่างกัน ได้รับประโยชน์จากการรายงานข่าวต่างประเทศในยุคทีวีดิจิทัลแตกต่างกันและทัศนคติต่อรายงานข่าวต่างประเทศมีอิทธิพลต่อการรับรู้ถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการรับชมข่าวต่างประเทศ ทัศนคติต่อรายงานข่าวต่างประเทศด้านความทันสมัยของรูปแบบรายการข่าวต่างประเทศในยุคทีวีดิจิทัลและด้านความแม่นยำของข่าวมีอิทธิพลต่อการรับรู้ถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการรับชมข่าวต่างประเทศ โดยมีระดับนัยสำคัญที่สังเกตได้ (P-value) ต่ำกว่าระดับนัยสำคัญที่กำหนด (P-value < 0.05)