BUS-02. บทความวิชาการ/วิจัย (วารสารระดับชาติ)
URI ถาวรสำหรับคอลเล็กชันนี้
เรียกดู
กำลังเรียกดู BUS-02. บทความวิชาการ/วิจัย (วารสารระดับชาติ) โดย วันที่ออก
ตอนนี้กำลังแสดง1 - 20 ของ 56
ผลลัพธ์ต่อหน้า
ตัวเลือกเรียงลำดับ
รายการ Innovative Strategies in the Marketing Mix to Enhance Health and Wellness Tourism Satisfaction: A Case Study of Thailand’s Digital Competitive Edge(Ramkhamhaeng International Journal of Science and Technology, 2025-04-14) Avirutha, AnupongThis study examines the correlation between the marketing mix (7Ps) and consumer satisfaction within the health and wellness tourism sector, with an emphasis on Thailand as a worldwide frontrunner. Furthmore, this study also explores innovative strategies such as digital health integration, AI-driven personalization, and sustainable wellness solutions to enhance Thailand’s competitive advantage in the health tourism industry. Data from 400 respondents indicate that People, Place, and Product are the most influential aspects, although Process and Physical Evidence also considerably affect satisfaction. Despite Price's limited impact, effective Promotion via digital media amplifies engagement. The regression model accounts for 67% of the variance in satisfaction (R² = 0.67, p < 0.001). The results underscore the necessity for superior service quality, cultural integration, and digital innovation to enhance Thailand's competitive advantage and foster sustainable growth in health tourism. Subsequent study ought to investigate the impact of demographic factors and technology innovations on customer choices.รายการ Innovative Service Design for Sustainability in the Tourism and Hospitality Industry: A Case Study of Small and Medium Hotels in Thailand(Ramkhamhaeng International Journal of Science and Technology, 2025-04-14) Aviruhta, AnupogIn the tourism and hospitality industry, innovative service design for sustainability plays a crucial role in balancing economic growth with environmental and social responsibility. This study investigates how policies, digital technology, and sustainability-driven service design impact small and medium-sized hotels in Thailand. Through quantitative research utilizing Structural Equation Modeling (SEM), the study examines the relationship between regulatory frameworks, digital readiness, and the adoption of sustainable service practices. The findings highlight the positive impact of policies, incentives, and compliance mechanisms on sustainability adoption. Furthermore, digital technologies—such as smart resource management systems, data-driven decision-making, and digital collaboration—significantly enhance sustainability efforts. The research confirms that well-implemented sustainable service design not only mitigates environmental impact but also enhances economic resilience and social well-being, fostering a more competitive tourism sector. The study underscores the need for continuous policy innovation, digital adaptation, and stakeholder collaboration to achieve long-term sustainability in Thailand’s tourism and hospitality industry.รายการ แนวทางการปรับตัวของ SMEs ไทยในอุตสาหกรรมอาหารในการเข้าสู่ตลาดส่งออกที่ยั่งยืน(วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น, 2025-06-30) สุธินี มงคล และ ธรรมนูญ วิศิษฏ์ศักดิ์งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการส่งออกอย่างยั่งยืนของ SMEs ในอุตสาหกรรมอาหารของไทย ระดับความพร้อม แนวทางการปรับตัว และให้ข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ไทยในการเข้าสู่ตลาดส่งออกที่ยั่งยืน โดยอิงกรอบแนวคิด Export Readiness ร่วมกับหลัก ESG (Environmental, Social, and Governance) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เพื่อสะท้อนแนวโน้มของตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานอาหาร การวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิธีแบบผสมผสาน (Mixed Methods) โดยเก็บข้อมูลเชิงปริมาณจากผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 150 ราย ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร เชียงใหม่ และจังหวัดนครราชสีมา และข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์เชิงลึก 6 ราย ครอบคลุมทั้งภาคธุรกิจ หน่วยงานภาครัฐ และภาควิชาการ ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการส่งออกอย่างยั่งยืน ได้แก่ ความพร้อมของผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานสากล การจัดการกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการสื่อสารคุณค่า ESG และการสร้างเครือข่ายเชิงกลยุทธ์ทั้งภายในประเทศและระดับสากล นอกจากนี้ งานวิจัยได้นำเสนอกรอบแนวคิด “3P Export Readiness Model” ประกอบด้วย Product Readiness (ความพร้อมด้านผลิตภัณฑ์), Process Adaptation (การปรับกระบวนการ) และ Partnership & Platform (การสร้างเครือข่ายและแพลตฟอร์ม) ซึ่งสามารถใช้เป็นแนวทางในการประเมินและพัฒนา SMEs อย่างเป็นระบบเพื่อเข้าสู่ตลาดส่งออกที่ยั่งยืนโดยมีข้อเสนอเชิงนโยบายที่สำคัญ ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์ความพร้อมด้านการส่งออกอาหาร การพัฒนาโครงการ Thai Food ESG Index และการขยาย “คลินิก ESG for SMEs” ในระดับภูมิภาค เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันในเวทีการค้าโลกได้อย่างมีความรับผิดชอบ ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจ BCGรายการ แนวทางการปรับตัวของ SMEs ไทยในอุตสาหกรรมอาหารในการเข้าสู่ตลาดส่งออกที่ยั่งยืน(วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น, 2025-06-30) สุธินี มงคล และ ธรรมนูญ วิศิษฏ์ศักดิ์งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการส่งออกอย่างยั่งยืนของ SMEs ในอุตสาหกรรมอาหารของไทย ระดับความพร้อม แนวทางการปรับตัว และให้ข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ไทยในการเข้าสู่ตลาดส่งออกที่ยั่งยืน โดยอิงกรอบแนวคิด Export Readiness ร่วมกับหลัก ESG (Environmental, Social, and Governance) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เพื่อสะท้อนแนวโน้มของตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานอาหาร การวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิธีแบบผสมผสาน (Mixed Methods) โดยเก็บข้อมูลเชิงปริมาณจากผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 150 ราย ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร เชียงใหม่ และจังหวัดนครราชสีมา และข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์เชิงลึก 6 ราย ครอบคลุมทั้งภาคธุรกิจ หน่วยงานภาครัฐ และภาควิชาการ ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการส่งออกอย่างยั่งยืน ได้แก่ ความพร้อมของผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานสากล การจัดการกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการสื่อสารคุณค่า ESG และการสร้างเครือข่ายเชิงกลยุทธ์ทั้งภายในประเทศและระดับสากล นอกจากนี้ งานวิจัยได้นำเสนอกรอบแนวคิด “3P Export Readiness Model” ประกอบด้วย Product Readiness (ความพร้อมด้านผลิตภัณฑ์), Process Adaptation (การปรับกระบวนการ) และ Partnership & Platform (การสร้างเครือข่ายและแพลตฟอร์ม) ซึ่งสามารถใช้เป็นแนวทางในการประเมินและพัฒนา SMEs อย่างเป็นระบบเพื่อเข้าสู่ตลาดส่งออกที่ยั่งยืนโดยมีข้อเสนอเชิงนโยบายที่สำคัญ ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์ความพร้อมด้านการส่งออกอาหาร การพัฒนาโครงการ Thai Food ESG Index และการขยาย “คลินิก ESG for SMEs” ในระดับภูมิภาค เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันในเวทีการค้าโลกได้อย่างมีความรับผิดชอบ ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจ BCGรายการ รายการ พฤติกรรมการฝากเงินในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในปัจจุบัน(2553) ธนชัย ตรีสวัสดิ์; พรวรรณ ตรีสวัสดิ์รายการ ทักษะการบริหารและคุณลักษณะของผู้บริหารระดับกลางกรณีศึกษาบริษัทผลิตคอมเพรสเซอร์ในภาคตะวันออก(2553) เลิศชัย คชสิทธิ์รายการ รายการ รายการ การพัฒนาบุคลากรที่มีผลต่อประสิทธิผลขององค์การในเขตอุตสาหกรรม 304 พาร์ค 7 จังหวัดปราจีนบุรี(2553) ชื่นชีวัน นีซังรายการ การศึกษาระบบขนส่งและเลือกทำเลที่ตั้งศูนย์กระจายน้ำมัน กรณีศึกษา ธรกิจรับจัดการขนส่งน้ำมัน(2553) นภัสวรรณ เรือนเพชรรายการ คุณภาพชีวิตในการทำงานที่มีผลต่อความผูกพันองค์กรของพนักงานระดับปฏิบัติงานในกลุ่มอุตสาหกรรมสุวินทวงศ์จังหวัดฉะเชิงเทรา(2553) การเกด อนันต์นาวีนุสรณ์รายการ การนำนโยบายกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาไปปฎิบัติ : กรณีสถานศึกษาเอกชน ประเภทอาชีวศึกษา ปีการศึกษา 2550(2553) เอกอนันต์ ณ เชียงใหม่รายการ แนวคิดธรรม 4 ประการที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของหน่วยกู้ภัยมูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์จังหวัดชลบุรี(2553) เทียรพชร พิมพ์ขุมเหล็กรายการ เส้นทางเข้าสู่การเมืองของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนนทบุรี(วารสารวิชาการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.), 2555-05) ประเสริฐ สิทธิจิรพัฒน์การศึกษาเส้นทางเข้าสู่การเมืองของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนนทบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อให้รู้จักนักการเมืองที่เคยได้รับการเลือกตั้งในจังหวัดนนทบุรี และวิธีการหาเสียงในการเลือกตั้งของนักการเมืองในจังหวัดนนทบุรี โดยศึกษาจากเอกสาร ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และการสัมภาษณ์ ผลการศึกษาพบว่า ภูมิหลังของ ส.ส.จังหวัดนนทบุรี ส่วนใหญ่เป็นอดีตข้าราชการ อดีตนักการเมืองท้องถิ่น วิธีการหาเสียงในการเลือกตั้งหลัก คือ การสร้างมวลชน การใช้ผู้สนับสนุนหรือหัวคะแนน การใช้รถประชาสัมพันธ์ และการเดินหาเสียงแบบเข้าถึงประชาชน ปัจจัยที่สนับสนุนให้ได้รับการเลือกตั้ง ได้แก่ ฐานเสียงจากเครือญาติ การสนับสนุนของนักการเมืองท้องถิ่น การรวมกลุ่มทางการเมือง ผู้สนับสนุนหรือหัวคะแนน และความนิยมในตัวผู้สมัครและ/หรือพรรคการเมืองที่สังกัด การวิจัยในอนาคตควรศึกษาเปรียบเทียบความเจริญของจังหวัดระหว่างจังหวัดที่มีส.ส.ได้รับเลือกตั้งอย่างต่อเนื่องกับจังหวัดที่ไม่มีความต่อเนื่องของ ส.ส. The purpose of this study is to examine data about Nonthaburi Province politicians who have been elected to the parliament. The data collection consisted of semi-structured interview with politicians, review of relevant documents, interviews and observation. The interviews examined personal histories, attitude to political issues, relationships and campaigners, as well as political history in the province. Findings showed the majority of Nonthaburi Province politicians used to be former state officers or local governors. The popular campaign for election is comprised of mass movement, campaign’s representatives, campaign vehicle, and knock the door campaign. There were many important factors influencing who would be elected, such as their family networks, political coalition and politicians’ political party. According to findings, it is recommended that the future researcher should conduct a comparative study of the province development between province having continuing M.P. and that of non-continuing M.P.รายการ The Contemporary of Single Dad in Thai Society(วารสารศรีปทุมปริทัศน์ ฉบับมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์, 2558-07) Warunsiri Praneetham; Asst.Prof.Prasert Sitthijirapat, Ph.DGlobalization brings many changes to Thai society. One of them was single parent status. This article aims to present review of the contemporary of single dad in Thai society, role of single dad in Thai society, and the impact of became to single dad.Moreover, the paper also reviews the public policy and useful sources for single dad. The contribution of article would provide more understanding of single dad.รายการ Casual Factor Study Influenced toOrganizational Commitment of Generation of Y Personnel Working in Energy Business and Public Utility in Thailand(sripatum University, 2559-07-21) กัลยารัตน์ ธีระธนชัยกุลการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากรกลุ่มเจเนอเรชั่นวายที่ปฏิบัติงานภาคธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคในประเทศไทย และเพื่อศึกษาอิทธิพลทางตรง อิทธิพลทางอ้อม และอิทธิพลรวมของแบบจำลองความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากรกลุ่มเจเนอเรชั่นวายที่ปฏิบัติงานภาคธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคในประเทศไทย ผู้วิจัยกำหนดกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ คือ บุคลากรกลุ่มเจเนอเรชั่นวายที่ปฏิบัติงานภาคธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคในประเทศไทย จำนวน 300 คน ทั้งนี้ผู้วิจัยใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลครั้งนี้ มีดังนี้ ค่าความถี่ (Frequency) และค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation หรือ S.D.) การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis) และการตรวจสอบความสอดคล้องกลมกลืนของโมเดลการวิจัยกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ผลการวิจัย พบว่า ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับที่สองปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากรกลุ่มเจเนอเรชั่นวายที่ปฏิบัติงานภาคธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ในประเทศไทย พบว่า ค่าไค-สแควร์ (Chi-Square) มีค่าเท่ากับ 8.77 ที่ชั้นแห่งความเป็นอิสระ (Degrees of Freedom) 11 มีค่าความน่าจะเป็นเข้าใกล้ 1 (p = 0.64291) นั่นคือ ค่าไค-สแควร์ ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ และค่าดัชนีวัดระดับความกลมกลืน (GFI) รวมทั้งค่าดัชนีวัดระดับความกลมกลืนที่ปรับแก้แล้ว (AGFI) มีค่าเท่ากับ 1.00 และ .96 ตามลำดับ แสดงว่ายอมรับสมมติฐานหลักที่ว่า โมเดลการวิจัยสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ และปัจจัยที่มีอิทธิพลรวม (TE) สูงสุดต่อความผูกพันต่อองค์กร (CORG) คือ องค์ประกอบด้านภาวะผู้นำของผู้บริหาร (LEAD) มีค่าอิทธิพล เท่ากับ .63 รองลงไปคือ องค์ประกอบด้านความพึงพอใจในงาน (JSAT) และองค์ประกอบด้านบรรยากาศองค์กร (OCLI) มีค่าอิทธิพล เท่ากับ .38 และ .37 ตามลำดับ เมื่อพิจารณาอิทธิพลทางตรง (DE) พบว่า องค์ประกอบด้านความพึงพอใจในงาน (JSAT) มีอิทธิพลทางตรงสูงสุดต่อความผูกพันต่อองค์กร (CORG) มีค่าอิทธิพล เท่ากับ .38 รองลงไป คือ องค์ประกอบด้านภาวะผู้นำของผู้บริหาร (LEAD) และองค์ประกอบด้านบรรยากาศองค์กร (OCLI) โดยมีค่าอิทธิพล เท่ากับ .32 และ .31 ตามลำดับ เมื่อพิจารณาอิทธิพลระหว่างปัจจัย พบว่า ปัจจัยเชิงสาเหตุ สามารถอธิบายความแปรปรวนของความผูกพันต่อองค์กร ได้ร้อยละ 84.00 (R2 = 0.84) และ มีสมการโครงสร้าง คือ CORG = 0.38(JSAT) + 0.31(OCLI) + 0.32(LEAD)รายการ แบบจำลองความได้เปรียบในการแข่งขันของธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ในประเทศไทย(2560, 2560-12) กัลยารัตน์ ธีระธนชัยกุล; จันทร์เพ็ญ วรรณารักษ์; วิชิต อู่อ้นบทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อน าเสนอความรู้จากการทบทวนวรรณกรรมความได้เปรียบทางการแข่งขันที่ผ่านมา เพื่ออธิบายถึง ความหมายและความเป็นมา องค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับความได้เปรียบทางการแข่งขันโดยใช้วิธีการวิจัยแบบการวิจัย เอกสารจากบทความทั้งสิ้น 291 บทความ สามารถน ามาใช้ได้จริง 152 บทความ โดยมีแหล่งที่มาของบทความจากฐานข้อมูลต่างๆ และน าข้อมูล เหล่านี้มีวิเคราะห์ข้อมูลโดยการใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ซึ่งจากการทบทวนวรรณกรรมพบว่า ตัวแปรที่ได้รับความนิยมใช้ศึกษาความได้เปรียบ ทางการแข่งขัน ประกอบด้วย ระบบการท างาน ทุนมนุษย์ เครือข่ายทางธุรกิจ ความสามารถทางเทคโนโลยี องค์กรแห่งนวัตกรรม
- «
- 1 (current)
- 2
- 3
- »