BUS-02. บทความวิชาการ/วิจัย (วารสารระดับชาติ)
URI ถาวรสำหรับคอลเล็กชันนี้
เรียกดู
กำลังเรียกดู BUS-02. บทความวิชาการ/วิจัย (วารสารระดับชาติ) โดย วันที่ออก
ตอนนี้กำลังแสดง1 - 20 ของ 49
ผลลัพธ์ต่อหน้า
ตัวเลือกเรียงลำดับ
รายการ รายการ รายการ การพัฒนาบุคลากรที่มีผลต่อประสิทธิผลขององค์การในเขตอุตสาหกรรม 304 พาร์ค 7 จังหวัดปราจีนบุรี(2553) ชื่นชีวัน นีซังรายการ รายการ พฤติกรรมการฝากเงินในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในปัจจุบัน(2553) ธนชัย ตรีสวัสดิ์; พรวรรณ ตรีสวัสดิ์รายการ คุณภาพชีวิตในการทำงานที่มีผลต่อความผูกพันองค์กรของพนักงานระดับปฏิบัติงานในกลุ่มอุตสาหกรรมสุวินทวงศ์จังหวัดฉะเชิงเทรา(2553) การเกด อนันต์นาวีนุสรณ์รายการ การนำนโยบายกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาไปปฎิบัติ : กรณีสถานศึกษาเอกชน ประเภทอาชีวศึกษา ปีการศึกษา 2550(2553) เอกอนันต์ ณ เชียงใหม่รายการ การศึกษาระบบขนส่งและเลือกทำเลที่ตั้งศูนย์กระจายน้ำมัน กรณีศึกษา ธรกิจรับจัดการขนส่งน้ำมัน(2553) นภัสวรรณ เรือนเพชรรายการ แนวคิดธรรม 4 ประการที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของหน่วยกู้ภัยมูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์จังหวัดชลบุรี(2553) เทียรพชร พิมพ์ขุมเหล็กรายการ ทักษะการบริหารและคุณลักษณะของผู้บริหารระดับกลางกรณีศึกษาบริษัทผลิตคอมเพรสเซอร์ในภาคตะวันออก(2553) เลิศชัย คชสิทธิ์รายการ เส้นทางเข้าสู่การเมืองของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนนทบุรี(วารสารวิชาการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.), 2555-05) ประเสริฐ สิทธิจิรพัฒน์การศึกษาเส้นทางเข้าสู่การเมืองของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนนทบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อให้รู้จักนักการเมืองที่เคยได้รับการเลือกตั้งในจังหวัดนนทบุรี และวิธีการหาเสียงในการเลือกตั้งของนักการเมืองในจังหวัดนนทบุรี โดยศึกษาจากเอกสาร ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และการสัมภาษณ์ ผลการศึกษาพบว่า ภูมิหลังของ ส.ส.จังหวัดนนทบุรี ส่วนใหญ่เป็นอดีตข้าราชการ อดีตนักการเมืองท้องถิ่น วิธีการหาเสียงในการเลือกตั้งหลัก คือ การสร้างมวลชน การใช้ผู้สนับสนุนหรือหัวคะแนน การใช้รถประชาสัมพันธ์ และการเดินหาเสียงแบบเข้าถึงประชาชน ปัจจัยที่สนับสนุนให้ได้รับการเลือกตั้ง ได้แก่ ฐานเสียงจากเครือญาติ การสนับสนุนของนักการเมืองท้องถิ่น การรวมกลุ่มทางการเมือง ผู้สนับสนุนหรือหัวคะแนน และความนิยมในตัวผู้สมัครและ/หรือพรรคการเมืองที่สังกัด การวิจัยในอนาคตควรศึกษาเปรียบเทียบความเจริญของจังหวัดระหว่างจังหวัดที่มีส.ส.ได้รับเลือกตั้งอย่างต่อเนื่องกับจังหวัดที่ไม่มีความต่อเนื่องของ ส.ส. The purpose of this study is to examine data about Nonthaburi Province politicians who have been elected to the parliament. The data collection consisted of semi-structured interview with politicians, review of relevant documents, interviews and observation. The interviews examined personal histories, attitude to political issues, relationships and campaigners, as well as political history in the province. Findings showed the majority of Nonthaburi Province politicians used to be former state officers or local governors. The popular campaign for election is comprised of mass movement, campaign’s representatives, campaign vehicle, and knock the door campaign. There were many important factors influencing who would be elected, such as their family networks, political coalition and politicians’ political party. According to findings, it is recommended that the future researcher should conduct a comparative study of the province development between province having continuing M.P. and that of non-continuing M.P.รายการ The Contemporary of Single Dad in Thai Society(วารสารศรีปทุมปริทัศน์ ฉบับมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์, 2558-07) Warunsiri Praneetham; Asst.Prof.Prasert Sitthijirapat, Ph.DGlobalization brings many changes to Thai society. One of them was single parent status. This article aims to present review of the contemporary of single dad in Thai society, role of single dad in Thai society, and the impact of became to single dad.Moreover, the paper also reviews the public policy and useful sources for single dad. The contribution of article would provide more understanding of single dad.รายการ Casual Factor Study Influenced toOrganizational Commitment of Generation of Y Personnel Working in Energy Business and Public Utility in Thailand(sripatum University, 2559-07-21) กัลยารัตน์ ธีระธนชัยกุลการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากรกลุ่มเจเนอเรชั่นวายที่ปฏิบัติงานภาคธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคในประเทศไทย และเพื่อศึกษาอิทธิพลทางตรง อิทธิพลทางอ้อม และอิทธิพลรวมของแบบจำลองความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากรกลุ่มเจเนอเรชั่นวายที่ปฏิบัติงานภาคธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคในประเทศไทย ผู้วิจัยกำหนดกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ คือ บุคลากรกลุ่มเจเนอเรชั่นวายที่ปฏิบัติงานภาคธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคในประเทศไทย จำนวน 300 คน ทั้งนี้ผู้วิจัยใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลครั้งนี้ มีดังนี้ ค่าความถี่ (Frequency) และค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation หรือ S.D.) การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis) และการตรวจสอบความสอดคล้องกลมกลืนของโมเดลการวิจัยกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ผลการวิจัย พบว่า ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับที่สองปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากรกลุ่มเจเนอเรชั่นวายที่ปฏิบัติงานภาคธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ในประเทศไทย พบว่า ค่าไค-สแควร์ (Chi-Square) มีค่าเท่ากับ 8.77 ที่ชั้นแห่งความเป็นอิสระ (Degrees of Freedom) 11 มีค่าความน่าจะเป็นเข้าใกล้ 1 (p = 0.64291) นั่นคือ ค่าไค-สแควร์ ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ และค่าดัชนีวัดระดับความกลมกลืน (GFI) รวมทั้งค่าดัชนีวัดระดับความกลมกลืนที่ปรับแก้แล้ว (AGFI) มีค่าเท่ากับ 1.00 และ .96 ตามลำดับ แสดงว่ายอมรับสมมติฐานหลักที่ว่า โมเดลการวิจัยสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ และปัจจัยที่มีอิทธิพลรวม (TE) สูงสุดต่อความผูกพันต่อองค์กร (CORG) คือ องค์ประกอบด้านภาวะผู้นำของผู้บริหาร (LEAD) มีค่าอิทธิพล เท่ากับ .63 รองลงไปคือ องค์ประกอบด้านความพึงพอใจในงาน (JSAT) และองค์ประกอบด้านบรรยากาศองค์กร (OCLI) มีค่าอิทธิพล เท่ากับ .38 และ .37 ตามลำดับ เมื่อพิจารณาอิทธิพลทางตรง (DE) พบว่า องค์ประกอบด้านความพึงพอใจในงาน (JSAT) มีอิทธิพลทางตรงสูงสุดต่อความผูกพันต่อองค์กร (CORG) มีค่าอิทธิพล เท่ากับ .38 รองลงไป คือ องค์ประกอบด้านภาวะผู้นำของผู้บริหาร (LEAD) และองค์ประกอบด้านบรรยากาศองค์กร (OCLI) โดยมีค่าอิทธิพล เท่ากับ .32 และ .31 ตามลำดับ เมื่อพิจารณาอิทธิพลระหว่างปัจจัย พบว่า ปัจจัยเชิงสาเหตุ สามารถอธิบายความแปรปรวนของความผูกพันต่อองค์กร ได้ร้อยละ 84.00 (R2 = 0.84) และ มีสมการโครงสร้าง คือ CORG = 0.38(JSAT) + 0.31(OCLI) + 0.32(LEAD)รายการ แบบจำลองความได้เปรียบในการแข่งขันของธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ในประเทศไทย(2560, 2560-12) กัลยารัตน์ ธีระธนชัยกุล; จันทร์เพ็ญ วรรณารักษ์; วิชิต อู่อ้นบทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อน าเสนอความรู้จากการทบทวนวรรณกรรมความได้เปรียบทางการแข่งขันที่ผ่านมา เพื่ออธิบายถึง ความหมายและความเป็นมา องค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับความได้เปรียบทางการแข่งขันโดยใช้วิธีการวิจัยแบบการวิจัย เอกสารจากบทความทั้งสิ้น 291 บทความ สามารถน ามาใช้ได้จริง 152 บทความ โดยมีแหล่งที่มาของบทความจากฐานข้อมูลต่างๆ และน าข้อมูล เหล่านี้มีวิเคราะห์ข้อมูลโดยการใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ซึ่งจากการทบทวนวรรณกรรมพบว่า ตัวแปรที่ได้รับความนิยมใช้ศึกษาความได้เปรียบ ทางการแข่งขัน ประกอบด้วย ระบบการท างาน ทุนมนุษย์ เครือข่ายทางธุรกิจ ความสามารถทางเทคโนโลยี องค์กรแห่งนวัตกรรมรายการ ปัจจัยเหตุและผลของผลการปฏิบัติงานของพนักงานที่ปฏิบัติงานในธุรกิจโรงแรม เขตภาคตะวันออกของประเทศไทย(วารสารสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น : บริหารธุรกิจและภาษา ปีที่ 7 ฉบับที่ 2หน้า 1-21, 2562-07-01) กัลยารัตน์ ธีระธนชัยกุลการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยเหตุและผลของผลการปฏิบัติงานของพนักงานที่ปฏิบัติงานในธุรกิจโรงแรมเขตภาคตะวันออกของประเทศไทย เพื่อศึกษาอิทธิพลของผลการปฏิบัติงานของพนักงานที่ปฏิบัติงานในธุรกิจโรงแรม เขตภาคตะวันออกของประเทศไทย และ เพื่อพัฒนาแบบจำลองปัจจัยเหตุและผลของผลการปฏิบัติงานของพนักงานที่ปฏิบัติงานในธุรกิจโรงแรมเขตภาคตะวันออกของประเทศไทย ผู้วิจัยกำหนดกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ คือ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ พนักงานระดับหัวหน้าขึ้นไป ที่ปฏิบัติงานในธุรกิจโรงแรม เขตภาคตะวันออกของประเทศไทย จำนวน 340 คน ซึ่งในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูล โดยการรวบรวมแบบสอบถามที่ได้รับทั้งหมด นำมาวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูล โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติเพื่อการวิจัย โดยกำหนดระดับความมีนัยสำคัญ 0.05 ทั้งนี้สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีดังนี้ ค่าความถี่ (Frequency) และค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation หรือ S.D.) การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis) และการตรวจสอบความสอดคล้องกลมกลืนของโมเดลการวิจัยกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ผลการวิจัย พบว่า ตัวแปรด้านกระบวนการจัดการ ตัวแปรด้านคุณภาพชีวิตในการทำงาน ตัวแปรด้านผลการปฏิบัติงาน และตัวแปรด้านผลการดำเนินงาน มีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ในขณะที่ตัวแปรด้านกระบวนการจัดการ มีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อตัวแปรด้านผลการปฏิบัติงาน ตัวแปรด้านกระบวนการจัดการ มีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อตัวแปรด้านผลการดำเนินงานของธุรกิจ ตัวแปรด้านคุณภาพชีวิตในการทำงาน มีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อตัวแปรด้านผลการปฏิบัติงาน ตัวแปรด้านคุณภาพชีวิตในการทำงาน มีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อตัวแปรด้านผลการดำเนินงานของธุรกิจ ตัวแปรด้านผลการปฏิบัติงาน มีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อ ตัวแปรด้านผลการดำเนินงานของธุรกิจ นอกจากนี้ ตัวแปรด้านผลการดำเนินงานของธุรกิจ ยังได้รับอิทธิพลทางอ้อมจากตัวแปรด้านคุณภาพชีวิตในการทำงาน และตัวแปรด้านกระบวนการจัดการ ผ่านตัวแปรด้านผลการปฏิบัติงานรายการ Model of relationship of factors influencing the performance of the food and beverage business in Thailand.(วารสาร UTCC International Journal of Business and Economicsปีที่ 11 ฉบับที่ 2หน้า 179-198, 2562-08-01) กัลยารัตน์ ธีระธนชัยกลุThe purposes of the research entitled, “Model of relationship of factors influencing the performance of the food and beverage business in Thailand” were to study factor influencing business operational results of food and beverage industry in Thailand, the direct, indirect and overall influence of a causal relationship model and to ascertain the validity of developed model in comparison with the available empirical data of food and beverage industry operational results in Thailand. The relationship between developed model and empirical data of business operations of food and beverage industry in Thailand was also under the study. Total 300 section head and higher up of food and beverage industry were selected as research samples from the reliable stock listed companies. SPSS computerized program is engaged in analyzing and processing the collected questionnaires, having statistical significance 0.05. Data were analyzed using are Frequency, Percentage, Mean, and Standard Deviation or S.D., Confirmatory Factor Analysis, and Coefficient Correlation of research model with the empirical evidenceรายการ Air Travel Behavior and Attitude of Domestic Passengers toward Low Cost Airline Services(CHOPHAYOM JOURNAL, 2562-09) Chuleewan Praneetham; Prasert Sitthijirapat; Jaree Phrommana; Jutarat LaophramThe purpose of the research was to study the air travel behavior and attitude of domestic passengers toward low-cost airline services. The samples of the study were 400 Thai passengers selected by purposive sampling technique. The research instrument was a questionnaire. The data were analyzed by different methods as follows: percentage and frequency were used to analyzed basic data. Mean and standard deviation were used to analyze attitude toward low-cost airline services. Pearson chi-square was used to analyze the relationship between demographic factors on behavior toward air travel, t-test was used to analyze passengers’ attitudes toward low-cost airline services with different genders, and One-way-ANOVA was used to analyze passengers’ attitude toward low-cost airline services by age, education, and occupation factors. The study indicated that the main objective for flying was leisure. The respondents came along with 2-3 companions. They used service 1-5 times yearly. Most of them traveled on Monday to Friday, reserved air tickets via airline mobile application. They, mostly, bought tickets 1 month in advance, and paid by credit card. Most of them checked in via checked-in counter. They searched and received the information about the airline services from the internet. The research findings revealed that personal factors; gender, age, education, and occupation were highly correlated with consumers’ behavior of low cost airlines at the 0.05 level of statistical significance. The passengers had high level of satisfaction for check-in, boarding service, and baggage services. Results also showed that different gender, age, education, and occupation factors were not difference significantly to attitude of domestic passengers toward low-cost airline services. The information from this research can be used to set a plan for marketing mix strategy of low cost airline in order to increase the number of their customers.รายการ พฤติกรรมการเลือกใช้สปาของนักท่องเที่ยวชาวไทยในเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี(วารสารช่อพะยอม, 2562-10) จารีย์ พรหมณะ; ชุลีวรรณ ปราณีธรรม; ประเสริฐ สิทธิจิรพัฒน์; นิภาภรณ์ จงวุฒิเวศย์การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเลือใช้สปาของนักท่องเที่ยวชาวไทยในเกาะสมุย จังหวัดสุรษฎร์ธานี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 400 คน ได้จาการสุ่มแบบบังเอิญ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ แบบสอบถาม ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับคือ 0.955 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงอายุ 30 -39 ปี ตัดสินใจใช้บริการสปาเพื่อการผ่อนคลายและลดความวิตกกังวล เลือใช้บริการโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า จากการศึกษาพยว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือใช้บริการสปาจากลักษณะทางกายภาพ รองลงมาคือด้านบุคลากร ด้านราคา ด้านกระบวนการการให้บริการ ด้านสถานที่หรือช่องทางการจัดจำหน่าย ด้านผลิตภัณฑ์ และด้านการส่งเสริมการตลาด ตามลำดับ ความสะอาดมีผลต่อการเลือกใช้สปา ห้องสปาควรมีกลิ่นหอม การบริการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีบริการหลากหลายรูปแบบ สามารถจองล่วงหน้าได้ กำหนดราคาบริการชัดเจน และมีส่วนลดสำหรับผู้เป็นสมาชิก นับเป็นจุดสำคัญสำหรับการเลือกใช้บริการสปา
- «
- 1 (current)
- 2
- 3
- »