BUS-02. บทความวิชาการ/วิจัย (วารสารระดับชาติ)
URI ถาวรสำหรับคอลเล็กชันนี้
เรียกดู
การส่งล่าสุด
รายการ The Impact of the European Green Deal on Thailand's Exports to the EU(วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น, 2567-06) Suthinee Mongkol and Tammanoon WisitsakThis research investigates how the Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) will impact Thailand's exports of steel and iron to the European Union (EU). The European Green Deal (EGD) is the European Commission's policy that aims to promote a green transition, along with the plan to make Europe the first continent to be climate neutral by 2050. This includes the sought-after Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM), which levies tariffs on carbon-importing goods to the EU. This research (1) evaluate how CBAM would affect Thailand's exports of steel and iron to the EU (2) explore the perceptions and preparedness of Thai export firms regarding CBAM (3) provide policy recommendations to mitigate adverse effects and leverage potential opportunities for Thailand. The study identifies concerns regarding cost rise and competitive loss based on semi-structured interviews with ten Thai export firms. The ten companies interviewed are located in various industrial regions of Thailand, including Bangkok, Samut Prakan, and Chonburi. It has also indicated that Thai manufacturers should embrace environmentally friendly production practices to manage these impacts effectively. The study also suggests that Thai policymakers should ensure that the CBAM legislation is accompanied by viable instrumental and technical support to reduce the initial cost borne by iron and steel traders in Thailand. Exporters must embrace innovations and improve their energy systems so that their products remain relevant in the EU region. Legal specifications and adequate communication systems with exporting entities and EU institutions are essential in managing CBAM provisions to sustain access to the market. The findings from the interviews revealed that Thai firms are concerned about the increased costs and potential competitive disadvantages. The companies expressed the need for technical assistance and clear communication to mitigate these impacts.รายการ ความพึงพอใจของกลุ่มผู้โดยสารชาวไทยที่เดินทางอยู่เป็นประจำในการรับบริการมื้ออาหารบนเครื่องบินโดยใช้วัสดุอุปกรณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม(วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น, 2567-06) ธรรมนูญ วิศิษฏ์ศักดิ์ และสุธินี มงคลงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มผู้โดยสารที่มีการเดินทางอยู่เป็นประจำในประเด็นการรับบริการอาหารบนเครื่องบินโดยวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้โดยสารชาวไทยที่เป็นสมาชิกระดับสูงของสายการบิน มีการเดินทางในเส้นทางในประเทศและต่างประเทศรวมกันเกิน 50,000 ไมล์ต่อปีหรือเทียบเท่าตามเกณฑ์ของแต่ละสายการบิน งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกจากกลุ่มตัวอย่าง 20 ท่าน จากหลากหลายอาชีพ ผลการวิจัยพบว่าร้อยละ 70 ของกลุ่มตัวอย่างรู้สึกพึงพอใจโดยสามารถอภิปรายเหตุผลสนับสนุนออกมาได้เป็น 5 หัวข้อใหญ่ได้แก่ 1. มีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม 2. เกิดความภาคภูมิใจในสายการบิน 3. มีความปลอดภัยมากกว่า 4. ไม่ได้มีความคาดหวังกับบริการอื่นนอกเหนือจากการขนส่ง 5. การลดต้นทุนของสายการบินซึ่งอาจนำไปสู่การลดราคาของบัตรโดยสารได้และร้อยละ 30 ของกลุ่มตัวอย่างรู้สึกไม่พึงพอใจโดยสามารถอภิปรายเหตุผลสนับสนุนออกมาได้เป็น 5 หัวข้อเช่นเดียวกัน ซึ่งได้แก่ 1. ขาดความสะดวกสบายในเรื่องของการใช้งาน 2. ไม่มั่นใจในเรื่องของความสะอาด 3. ไม่มั่นใจว่าจะเป็นการสร้างขยะเพิ่มหรือไม่ 4. เสียภาพลักษณ์ของสายการบิน 5. ไม่เชื่อมั่นในนโยบายการรักษาสิ่งแวดล้อมของสายการบิน ข้อเสนอแนะจากงานวิจัยได้แก่สายการบินควรพิจารณาเรื่องการสื่อสารและการให้ข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นนี้อย่างทั่วถึงแก่ผู้โดยสารเพื่อยกระดับความพึงพอใจให้มีมากขึ้นรายการ แรงสนับสนุนทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อความสุขของผู้สูงอายุเขตจังหวัดสมุทรปราการ(มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์, 2567-04) อรนิษฐ์ แสงทองสุข; ปิยะณัฐ เกียงประสิทธิ์การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับแรงสนับสนุนทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อความสุขของผู้สูงอายุเขตจังหวัดสมุทรปราการ ผู้วิจัยกำหนดกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ คือ ผู้สูงอายุสัญชาติไทย ที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป เป็นสมาชิกสมาคมผู้สูงอายุเขตจังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 384 คน ซึ่งในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูล โดยการรวบรวมแบบสอบถามที่ได้รับทั้งหมด นำมาวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูล โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติเพื่อการวิจัย โดยกำหนดระดับความมีนัยสำคัญ 0.05 ทั้งนี้สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ ค่าความถี่ และ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัย พบว่า ระดับแรงสนับสนุนทางสังคม คือ ความรู้สึกนึกคิดหรือการรับรู้ของผู้สูงอายุต่อการได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนด้านต่าง ๆ การตอบสนองความต้องการ การได้รับกำลังใจและการส่งเสริมดูแลให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสม ประกอบด้วย 1) การสนับสนุนด้านอารมณ์ หมายถึง การได้รับความรัก ความอบอุ่น การดูแลเอาใจใส่ มีความใกล้ชิดความผูกพัน และมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน 2) การสนับสนุนด้านแรงงาน สิ่งของ เงินทอง และบริการ หมายถึง การได้รับการช่วยเหลือด้านแรงงาน สิ่งของ เครื่องใช้ เงินทอง และความสะดวกในการรับบริการต่าง ๆ ในชุมชน และ 3) การสนับสนุนด้านข้อมูลข่าวสาร หมายถึง การได้รับข้อมูลข่าวสาร หรือ คำแนะนำ ต่าง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ใน การดำเนินชีวิตประจำวันและสุขภาพจากบุคคลในสังคม อยู่ในระดับมาก ด้านความสุขของผู้สูงอายุ พบว่า ในภาพรวมความสุขของผู้สูงอายุ ตามความคิดเห็นของผู้สูงอายุ เขตจังหวัดสมุทรปราการ มีความสุขอยู่ในระดับน้อยกว่าคนทั่วไปรายการ ปัจจัยที่มีผลต่อผลการเรียนรู้ของนักศึกษา สาขาการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม(มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์, 2567-04) อรนิษฐ์ แสงทองสุข; รัชตา กาญจนโรจน์การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อผลการเรียนรู้ของนักศึกษา สาขาการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ นักศึกษาสาขาการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ชั้นปีที่ 1 รหัส 65 ทุกคน มีจำนวนทั้งสิ้น 120 คนที่ลงทะเบียนเรียนในรายวิชา MGT ศาสตร์และศิลป์ในการสื่อสารทางธุรกิจเท่านั้น วิธีการที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ ใช้สถิติการทดสอบค่าที (t - Test) แบบ Dependent และการทดสอบค่าที (t - Test) แบบ Independent ผลการวิจัย พบว่า การมีส่วนร่วมในชั้นเรียนของนักศึกษามีผลต่อผลการเรียนรู้ของนักศึกษา สาขาการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม อยู่ในระดับมาก สาเหตุเป็นเพราะว่าการมีส่วนร่วมในชั้นเรียนของนักศึกษา เป็นกระบวนการสร้างความรู้ เป็นการเรียนรู้ที่อาศัยประสบการณ์เดิมของนักศึกษา ก่อให้เกิดความรู้ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ผู้เรียนสามารถกำหนดหลักการที่ได้จากการปฏิบัติและสามารถประยุกต์ใช้ทฤษฎีหรือหลักการได้อย่างถูกต้องเป็นการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมการทำงานเป็นกลุ่ม มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนกับนักศึกษา และมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษาด้วยรายการ Marketing Mix and International Tourists' Consumer Behavior Towards Thai Street Food in Thailand After Post-COVID 19 Era(Sripatum University, 2566-12) อนุพงศ์ อวิรุทธา; รวิภา อัครจินดานนท์This study attempts to explore the factors that influence their preferences, decision-making, and overall satisfaction in order to gain insights into the role street food plays in shaping their cultural experience during their visit to Thailand. The respondents in this study were international tourists in Bangkok. The numbers of respondents are 200 respondents. The participants in this study are voluntary and anonymity. Descriptive, frequency, percentage distributions, Xs are used to describe and report the information collected affecting to individual variables and demographic information. The regression equation provided represents a statistical model that examines the relationship between the independent variables (product, price, place, and promotion) and the dependent variable (street food experience). It reveals that all four independent variables have positive coefficients, suggesting that improvements in product quality, reasonable pricing, attractive place (location), and effective promotions can enhance the overall street food experience.รายการ Driving Sustainable and Inclusive Growth in the Wellness Industry in Thailand(Sripatum University, 2567-04) รวิภา อัครจินดานนท์; อนุพงศ์ อวิรุทธาThe Thai wellness industry. Employing qualitative research methods, it analyzes the challenges and opportunities for driving sustainable and inclusive growth in the Thai wellness sector. The findings suggest that while sustainability practices are gaining traction, the industry must do more to enhance inclusivity in wellness services, ensuring accessibility and affordability to a broader segment of the population. This article underscores the importance of aligning the wellness industry in Thailand with sustainability and inclusivity goals to promote both individual well-being and the well-being of the broader community.รายการ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของหลักทรัพย์ : กรณีศึกษากลุ่มหลักทรัพย์การท่องเที่ยวและสันทนาการ(มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตอุบลราชธานี, 2567-04-30) รศ.ปัทมา โกเมนท์จำรัส และ ผศ.ดร. อนุพงศ์ อวิรุทธางานวิจัยนี้ศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยพื้นฐานและอัตราผลตอบแทนหลักทรัพย์ในกลุ่ม การท่องเที่ยวและสันทนาการ ตามความแตกต่างสถานการณ์ตลาด การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยที่ส่งผลต่อผลตอบแทนหลักทรัพย์ในอุตสาหกรรมบริการหมวด ท่องเที่ยวและสันทนาการในสถานการณ์ของตลาดขาขึ้นและตลาดขาลง ช่วงเวลา มกราคม 2561 ถึง ธันวาคม 2565 โดยใช้แบบจำลองสมการถดถอยเชิงพหุคูณในการทดสอบ ผลการศึกษา พบว่า ปัจจัยอัตราผลตอบแทนของตลาดจะส่งผลต่อผลตอบแทนหลักทรัพย์ในและสภาวะตลาดขาขึ้นและ ตลาดขาลงรายการ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของหลักทรัพย์ :กรณีศึกษาหลักทรัพย์กลุ่มธุรกิจการแพทย์(มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2567-04-30) รศ.ปัทมา โกเมนท์จำรัส; ผศ.สุภาวดี ฮะมะณีงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มีผลต่ออัตราผลตอบแทนของหลักทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจการแพทย์ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในสถานการณ์ของตลาดขาขึ้นและตลาดขาลง ช่วงเวลา มกราคม 2561 ถึง ธันวาคม 2565 โดยใช้แบบจาลองสมการถดถอยเชิงพหุคูณในการทดสอบ ผลการศึกษา พบว่า ปัจจัยอัตราผลตอบแทนของตลาดจะส่งผลต่อผลตอบแทนหลักทรัพย์ทั้งในสภาวะตลาดขาขึ้นและตลาดขาลงรายการ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของหลักทรัพย์ : กรณีศึกษากลุ่มหลักทรัพย์การท่องเที่ยวและสันทนาการ(วารสารพุทธศาสตร์ มจร. อุบลราชธานี, 2567-01) ปัทมา โกเมนท์จารัส; อนุพงศ์ อวิรุทธางานวิจัยนี้ศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยพื้นฐานและอัตราผลตอบแทนหลักทรัพย์ในกลุ่ม การท่องเที่ยวและสันทนาการ ตามความแตกต่างสถานการณ์ตลาด การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยที่ส่งผลต่อผลตอบแทนหลักทรัพย์ในอุตสาหกรรมบริการหมวดท่องเที่ยวและสันทนาการในสถานการณ์ของตลาดขาขึ้นและตลาดขาลง ช่วงเวลา มกราคม 2561 ถึง ธันวาคม 2565 โดยใช้แบบจาลองสมการถดถอยเชิงพหุคูณในการทดสอบ ผลการศึกษา พบว่า ปัจจัยอัตราผลตอบแทนของตลาดจะส่งผลต่อผลตอบแทนหลักทรัพย์ในและสภาวะตลาดขาขึ้นและตลาดขาลงรายการ อิทธิพลของระดับคุณภาพชีวิตที่ส่งผลต่อความสุขของผู้สูงอายุ เขตกรุงเทพมหานคร(วารสารราชภัฏเพชรบูรณ์สาร, 2567-01) กิ่งแก้ว พรอภิรักษสกุล; ประเสริฐ สิทธิจิรพัฒน์The objectives of this study were to study the level of Quality of Life of the elderly. Bangkok area and to compare the level of happiness of senior citizens in Bangkok area as well as to study the influence of the level of Quality of Life that has an effect on the happiness level of the elderly Bangkok area. The sample group is the Elderly Thai nationality aged 60 years and over who are members of the Bangkok Elderly Association, totaling 384 people. From the sample schedule, the research instrument was a happiness assessment. Data analysis and processing by collecting all happiness assessments received. Used to process and analyze data. Using statistical packages for research Statistics used in data analysis in this study include frequency, percentage, mean, standard deviation, and ANOVA. The statistical significance used in the analysis was set at the 0.05 level. The results of the research found that the quality of life of the elderly Bangkok area at a high level in terms of overall happiness of the elderly, it was found that the elderly were less happy than the general population according to the Thai Happiness Index. In terms of happiness of the elderly, it was found that the level of happiness of the elderly people. In comparing the level of happiness of the elderly in Bangkok classified by personal factors, it was found that the personal factors are different and the elderly have different happiness levels.รายการ อิทธิพลของระดับคุณภาพชีวิตที่ส่งผลต่อความสุขของผู้สูงอายุ เขตกรุงเทพมหานคร(ราชภัฏเพชรบูรณ์สาร, 2567-01) กิ่งแก้ว พรอภิรักษสกุล; ประเสริฐ สิทธิจิรพัฒน์การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาระดับคุณภาพชีวิตและระดับความสุขของผู้สูงอายุ เขตกรุงเทพมหานคร และเพื่อเปรียบเทียบระดับความสุขของผู้สูงเขตกรุงเทพมหานครจาแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ตลอดจนเพื่อศึกษาอิทธิพลของระดับคุณภาพชีวิตที่มีต่อระดับความสุขของผู้สูงอายุ เขตกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้สูงอายุสัญชาติไทย ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่เป็นสมาชิกสมาคมผู้สูงอายุเขตกรุงเทพมหานคร จานวน 384 คน จากตารางกาหนดหนดกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบประเมินความสุข การวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลโดยการรวบรวมแบบประเมินความสุขที่รับมาทั้งหมด นามาประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูปทางสถิติเพื่อการวิจัย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ ANOVA สาหรับค่านัยสาคัญทางสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์กาหนดไว้ ที่ระดับ 0.05 ผลการวิจัย พบว่า ระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ เขตกรุงเทพมหานคร อยู่ในระดับมาก ด้านความสุข ของผู้สูงอายุในภาพรวม พบว่า ผู้สูงอายุ มีความสุขอยู่ในระดับน้อยกว่าคนทั่วไปตามดัชนีชี้วัดความสุขคนไทย ด้านการเปรียบเทียบระดับความสุขของผู้สูงเขตกรุงเทพมหานครจาแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลแตกต่างกันผู้สูงอายุมีความสุขต่างกันรายการ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมของธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคบริการ ประเภทด้านที่พักแรม ของประเทศไทย(วารสารวิชาการเทคโนโลยีการจัดการ, 2567-01-01) รศ.ดร.กัลยารัตน์ ธีระธนชัยกุล และ ดร. ชัยนรินท์ ธีรไชยพัฒน์บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมของธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคบริการ ประเภทด้านที่พักแรม ของประเทศไทย ผู้วิจัยกำหนดกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ คือ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยเลือกศึกษาเฉพาะ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคบริการประเภทด้านที่พักแรม ที่เป็นสมาชิกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย จำนวน 400 คน ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูล โดยการรวบรวมแบบสอบถามที่ได้รับทั้งหมด นำมาวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูล โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติเพื่อการวิจัย โดยกำหนดระดับความมีนัยสำคัญ 0.05 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลในการศึกษาครั้งนี้ มีดังนี้ ค่าความถี่ และค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ สำหรับค่านัยสำคัญทางสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์กําหนดไว้ที่ระดับ 0.05 ผลการวิจัย พบว่า ปัจจัยด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ส่งผลต่อการเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมของธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคบริการ ประเภทด้านที่พักแรม ของประเทศไทยอยู่ในระดับมากรายการ ปัจจัยที่ส่งผลต่อความได้เปรียบในการแข่งขันของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคการค้าประเภท การขายส่ง-การขายปลีก ของประเทศไทย(วารสารวิชาการเทคโนโลยีการจัดการ, 2566-12-31) รศ.ดร.กัลยารัตน์ ธีระธนชัยกุล และ ผศ.ดร. อมรรักษ์ สวนชูผลการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความได้เปรียบในการแข่งขันของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคการค้าประเภท การขายส่ง-การขายปลีก ของประเทศไทย ผู้วิจัยกำหนดกลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคการค้าประเภท การขายส่ง-การขายปลีก ที่เป็นสมาชิกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย เท่านั้น ขนาดของกลุ่มตัวอย่างมี จำนวน 527 คน ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูล โดยการรวบรวมแบบสอบถามที่ได้รับทั้งหมด นำมาวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูล โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติเพื่อการวิจัย โดยกำหนดระดับความมีนัยสำคัญ 0.05 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ และค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ สำหรับค่านัยสำคัญทางสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์กําหนดไว้ที่ระดับ 0.05 ผลการวิจัย พบว่า ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและเครือข่ายทางธุรกิจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความได้เปรียบในการแข่งขัน การที่ธุรกิจสามารถปรับตัวและนำเทคโนโลยีและเครือข่ายทางธุรกิจมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว จะช่วยให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นและสามารถตอบสนองต่อเปลี่ยนแปลงในตลาดได้ดีขึ้น ดังนั้น เทคโนโลยีและเครือข่ายทางธุรกิจจึงมีผลต่อความได้เปรียบในการแข่งขันของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคการค้าประเภท การขายส่ง-การขายปลีก ของประเทศไทย อยู่ในระดับสูงรายการ การพัฒนาการจัดการการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี จังหวัดพัทลุง โดยใช้กระบวนการ EDFR(วารสารนาคบุตรปริทรรศน์, 2566-04-25) เพียงใจ คงพันธ์; อนงค์ ไต่วัลย์; ประเสริฐ สิทธิจิรพัฒน์การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลในพื้นที่และศักยภาพของทรัพยากรการท่องเที่ยว เชิงสร้างสรรค์ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี จังหวัดพัทลุง และ 2) เพื่อพัฒนาการจัดการการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี จังหวัดพัทลุง เป็นวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยเทคนิคการวิจัยแบบ EDFR (Ethnographic Delphi Futures Research) เก็บรวบรวมข้อมูล จำนวน 2 ขั้นตอน คือ 1) EDFR รอบที่ 1 การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-Depth Interview) จากกลุ่มผู้ให้ข้อมูล 19 คน 2) EDFR รอบที่ 2 และรอบที่ 3 การตอบแบบสอบถาม จากกลุ่มผู้ให้ข้อมูลกลุ่มเดิม ให้พิจารณาคำตอบและยืนยันความสอดคล้องของข้อมูล หาฉันทามติ (Consensus) ของกลุ่มโดยการคำนวณค่ามัธยฐาน และค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ ผลการวิจัยพบว่า 1. ข้อมูลในพื้นที่และศักยภาพของทรัพยากรการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี จังหวัดพัทลุง ประกอบด้วย 1) คุณสมบัติในเชิงพื้นที่ คือ 1.1) ชุมชนมีความหลากหลายและโดดเด่นทางวัฒนธรรมหรือธรรมชาติ 1.2) ชุมชนมีความตระหนักรู้ในคุณค่าของชุมชนโดยเจ้าของวัฒนธรรม 2) คุณสมบัติในเชิงกระบวนการ คือ 2.1) นักท่องเที่ยวกับชุมชนเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้ามวัฒนธรรม 2.2) นักท่องเที่ยวมีประสบการณ์ตรงร่วมกับเจ้าของวัฒนธรรม 2.3) นักท่องเที่ยวเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพื้นที่ท่องเที่ยว 2.4) ไม่ทำลายคุณค่าของชุมชนแต่กลับนำไปสู่ความสมดุลทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม 2. การพัฒนาการจัดการการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี จังหวัดพัทลุง ประกอบด้วยหลักการพัฒนา 2 ด้าน คือ 1. ด้านการพัฒนาการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน 5 ด้าน ได้แก่ 1.1) ด้านการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน 1.2) ด้านการจัดการเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต 1.3) ด้านการอนุรักษ์และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรม 1.4) ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม 1.5) ด้านการบริการและความปลอดภัย 2. ด้านการพัฒนาการจัดการการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ได้แก่ 2.1) ชุมชนเชิงสร้างสรรค์ 2.2) การตลาดเชิงสร้างสรรค์ 2.3) การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์รายการ ปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของพนักงานบริษัทจำหน่ายและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ในเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร(วารสารวิชาการเทคโนโลยีการจัดการ, 2566-07) ประเสริฐ สิทธิจิรพัฒน์; กิ่งแก้ว พรอภิรักษสกุลการศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาคุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงานบริษัทจำหน่ายและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ในเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาคุณลักษณะงานของพนักงานบริษัทจำหน่ายและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ในเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร และ 3) เพื่อศึกษาอิทธิพลของคุณลักษณะงานต่อคุณภาพชีวิต การทำงานของพนักงานบริษัทจำหน่ายและติดตั้งเครื่องปรับอากาศในเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัยคือพนักงานบริษัทจำหน่ายและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ในเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร จำนวน 100 คน ผลการศึกษาพบว่า คุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงานบริษัทจำหน่ายและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง คุณลักษณะงานของพนักงานบริษัทจำหน่ายและติดตั้งเครื่องปรับอากาศโดยรวมอยู่ในระดับมาก สำหรับปัจจัยส่วนบุคคลของพนักงานที่แตกต่างกันมีคุณภาพชีวิตการทำงานไม่แตกต่าง ยกเว้นสถานภาพสมรสและระยะเวลาในการทำงาน ส่วนคุณลักษณะงานมีผลต่อคุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงานบริษัทจำหน่ายและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ในเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ที่ร้อยละ 42.70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลการวิจัยครั้งนี้สามารถนำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในการทำงานของพนักงานบริษัทติดตั้งเครื่องปรับอากาศทั้งทางด้านความรู้ ทักษะ และทัศนคติที่เกี่ยวข้องกับงานรายการ การสร้างความยั่งยืนในผลิตภัณฑ์เกษตรชุมชนด้วยการบริหารจัดการเชิงระบบนิเวศ(Journal of Marketing and Management, 2566-10-10) วุทธิชัย ลิ้มอรุโณทัยงานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาการบริหารจัดการในระบบนิเวศของผลิตภัณฑ์ของ ผู้ประกอบการเกษตรอินทรีย์และพัฒนาแนวทางในการบริหารจัดการเชิงระบบนิเวศของผลิตภัณฑ์เกษตร อินทรีย์สู่ความยั่งยืน ซึ่งเป็นการวิจัยแบบผสมผสานระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ในส่วน การวิจัยเชิงคุณภาพ เป็นการถอดบทเรียน โดยมีการสัมภาษณ์เชิงลึกกับเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ นักการตลาด และนักวิชาการในชุมชน จำนวน 9 คน ในพื้นที่ปริมณฑล 2 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัด นครปฐม และจังหวัดสมุทรสาคร และนำมาถอดบทเรียน ในส่วนการวิจัยเชิงปริมาณ ทำการวิเคราะห์ สมการ เชิงโครงสร้าง (SEM) ใช้แนวทางกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่าง 540 ตัวอย่าง ให้สอดคล้องกับการ ใช้สถิติวิเคราะห์องค์ประกอบ ที่ใช้ในการวิจัยเชิงปริมาณคือกลุ่มผู้บริโภคที่สนใจซื้อผลิตภัณฑ์ทาง การเกษตร ในรูปแบบออนไลน์โดยทำการสำรวจในพื้นที่ปริมณฑล ผลการวิจัยพบว่า โมเดลตามสมมติฐานที่พัฒนาขึ้นสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ หรือกล่าว อีกนัยคือ (1) การบริหารการผลิต และการบริหารพันธมิตร ส่งผลโดยตรงต่อการบริหารการจัดจำหน่าย การบริหารโลจิสติกส์ การบริหารการตลาด และ (2) การบริหารการจัดจำหน่าย การบริหารโลจิสติกส์ การบริหารการตลาด ส่งผลโดยตรงต่อผู้บริโภคผลิตภัณฑ์การเกษตรชุมชนที่ยั่งยืน ซึ่งโมเดลนี้ สามารถ อธิบายความแปรปรวนของผลิตภัณฑ์การเกษตรชุมชนที่ยั่งยืนได้ร้อยละ 83.12 โดยผลการวิเคราะห์ เส้นทางมีความกลมกลืนกันกับโมเดลเชิงประจักษ์คือ χ2/df=1.213, p=0.1057, CFI= 0.975, GFI=0.963, AGFI=0.932, RMSEA=0.034รายการ การศึกษาการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เอื้อต่อผลการเรียนรู้ของนักศึกษารายวิชา MGT423 สัมมนาทางการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ มหาวิทยาลัยศรีปทุม(รายงานสืบเนื่องการประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ ประจำปี 2566 เรื่อง นวัตกรรมเพื่อการบริการวิชาการสู่สังคมภายใต้ยุคดิจิทัลเพื่อเป้าหมายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน หน้า 83-92, 2566-06-13) กัลยารัตน์ ธีระธนชัยกุลการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อศึกษาการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ และรูปแบบพฤติกรรมการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักศึกษารายวิชาMGT 423 สัมมนาทางการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ มหาวิทยาลัยศรีปทุม (2) เพื่อศึกษาผลการเรียนรู้ของนักศึกษารายวิชา MGT423 สัมมนาทางการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ และ (3) เพื่อศึกษาอิทธิพลของสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่มีผลต่อผลการเรียนรู้ของนักศึกษารายวิชาMGT423สัมมนาทางการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยนี้ คือ นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจที่ลงทะเบียนในรายวิชา MGT 423 สัมมนาทางการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ ปีการศึกษา 2565 จำนวน 73 คน ซึ่งในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากการรวบรวมแบบสอบถามที่ได้รับทั้งหมด นำมาวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูล โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติเพื่อการวิจัย โดยกำหนดระดับความมีนัยสำคัญ 0.05 ทั้งนี้สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีดังนี้ ค่าความถี่ และค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ สำหรับค่านัยสำคัญทางสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ครั้งนี้กำหนดไว้ที่ระดับ .05 ผลการวิจัย พบว่า ในภาพรวมการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักศึกษารายวิชา MGT423 สัมมนาทางการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ อยู่ในระดับมากที่สุด ด้านภาพรวมผลการเรียนรู้ของนักศึกษา รายวิชา MGT423 สัมมนา ทางการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ อยู่ในระดับมากที่สุดและอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาในรายวิชา MGT423 สัมมนา ทางการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ อยู่ในระดับสูงรายการ การศึกษาการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เอื้อต่อผลการเรียนรู้ของนักศึกษารายวิชา MGT423 สัมมนาทางการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ มหาวิทยาลัยศรีปทุม(Sripatum University, 2565-06-13) กัลยารัตน์ ธีระธนชัยกุลการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อศึกษาการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ และรูปแบบพฤติกรรมการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักศึกษารายวิชาMGT 423 สัมมนาทางการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ มหาวิทยาลัยศรีปทุม (2) เพื่อศึกษาผลการเรียนรู้ของนักศึกษารายวิชา MGT423 สัมมนาทางการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ และ (3) เพื่อศึกษาอิทธิพลของสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่มีผลต่อผลการเรียนรู้ของนักศึกษารายวิชาMGT423สัมมนาทางการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยนี้ คือ นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจที่ลงทะเบียนในรายวิชา MGT 423 สัมมนาทางการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ ปีการศึกษา 2565 จำนวน 73 คน ซึ่งในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากการรวบรวมแบบสอบถามที่ได้รับทั้งหมด นำมาวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูล โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติเพื่อการวิจัย โดยกำหนดระดับความมีนัยสำคัญ 0.05 ทั้งนี้สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีดังนี้ ค่าความถี่ และค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ สำหรับค่านัยสำคัญทางสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ครั้งนี้กำหนดไว้ที่ระดับ .05 ผลการวิจัย พบว่า ในภาพรวมการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักศึกษารายวิชา MGT423 สัมมนาทางการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ อยู่ในระดับมากที่สุด ด้านภาพรวมผลการเรียนรู้ของนักศึกษา รายวิชา MGT423 สัมมนา ทางการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ อยู่ในระดับมากที่สุดและอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาในรายวิชา MGT423 สัมมนา ทางการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ อยู่ในระดับสูงรายการ Aviation Accidents Caused by Human Error(2565-08-07) Ratthapong Ma-soom; Vichit U-on; Kingkeaw PornapiraksakulThis independent research the objectives were 1) to study the factors of human error, 2) to study air transport accidents, and 3) to study the relationship between human error affecting air transportation accidents of airline employees. The sample group used in this research was airline employees. By using questionnaires as a tool to collect data The statistics used in the descriptive analysis were frequency, percentage, mean and standard deviation. Test the hypothesis to compare the results of the research. It was found that human error affecting air transportation accidents of airline employees. Overall, it was at a low level. Operational efficiency of airline personnel the overall picture is at a high level. Individual factors with different gender, age, occupation, status, age of employment and income It is effective in performing different tasks. And in each aspect of behavior while working and the aspect of violating the rules while working is different from person to personรายการ อิทธิพลของคุณสมบัติของแอปพลิเคชันสั่งอาหารที่มีต่อผลการปฎิบัติงานของพนักงานส่งอาหารในจังหวัดชลบุรี(มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น, 2565-06) ณัฐกิจ โกศล; สุธินี มงคลการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อศึกษาระดับผลการปฏิบัติงานจากการใช้แอปพลิเคชันสั่งอาหารของพนักงานส่งอาหารในจังหวัดชลบุรี 2. เพื่อเปรียบเทียบระดับผลการปฏิบัติงานจากการใช้แอปพลิเคชันสั่งอาหารของพนักงานส่งอาหารในจังหวัดชลบุรี โดยจำแนกตามลักษณะประชากรศาสตร์ 3. เพื่อศึกษาปัจจัยด้านคุณสมบัติแอปพลิเคชันสั่งอาหารที่มีอิทธิพลด้านทัศนคติ ความตั้งใจใช้ต่อ และผลการทำงานของพนักงานส่งอาหารในจังหวัดชลบุรี กลุ่มตัวอย่างของงานวิจัยนี้ คือ พนักงานส่งอาหารที่ประจำจุด ในอำเภอเมืองชลบุรี โดยแบ่งเป็นตำบลดังนี้ ตำบลมะขามหย่ง ตำบลบ้านสวน ตำบลเสม็ด ตำบลคลองตำหรุ จำนวน 400 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบความแปรปรวน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า คุณสมบัติของแอปพลิเคชันสั่งอาหารโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ย = 4.18 (S.D. = 0.75) กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนอันดับแรก คือ ด้านความปลอดภัย มีค่าเฉลี่ย = 4.38 (S.D. = 0.71) อันดับสอง คือ ด้านการควบคุม ( = 4.21, S.D. = 0.75) อันดับสาม คือ ด้านฟังก์ชัน ( = 4.13, S.D. = 0.81) อันดับสี่ คือ ด้านการออกแบบ ( = 4.13, S.D. = 0.75) และ อันดับห้า คือ ด้านความสะดวก ( = 4.09, S.D. = 0.74) ตามลำดับ ส่วนผลการปฏิบัติงานจากการใช้แอปพลิเคชันสั่งอาหารของพนักงานส่งอาหารโดยรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย = 4.10 (S.D. = 0.64) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าอันดับแรก คือ ด้านทัศนคติ ( = 4.22) อันดับที่ 2 คือ ด้านผลการทำงาน ( = 4.12) และอันดับที่ 3 คือ ด้านความตั้งใจใช้ต่อ ( = 3.97) ตามลำดับ ปัจจัยส่วนบุคคล ด้านอายุ รายได้ ประสบการณ์ทำงานในการส่งอาหาร (ไรเดอร์) พื้นที่ในการส่งอาหาร และจำนวนคำสั่งชื้อเฉลี่ย/วัน มีอิทธิพลต่อผลการปฏิบัติงานจากการใช้แอปพลิเคชันสั่งอาหารด้านทัศนคติ ความตั้งใจใช้ต่อ และผลการทำงาน ส่วนปัจจัยส่วนบุคคลด้านเพศ ไม่มีอิทธิพลด้านทัศนคติ ความตั้งใจใช้ต่อ และผลการทำงาน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
- «
- 1 (current)
- 2
- 3
- »