ARC-03. บทความวิชาการ/วิจัย (อื่นๆ)
URI ถาวรสำหรับคอลเล็กชันนี้
เรียกดู
กำลังเรียกดู ARC-03. บทความวิชาการ/วิจัย (อื่นๆ) โดย ชื่อ
ตอนนี้กำลังแสดง1 - 20 ของ 55
ผลลัพธ์ต่อหน้า
ตัวเลือกเรียงลำดับ
รายการ The Aesthetic of Gravity(2555-03-05T04:14:58Z) Nuttawut Usavagovitwongรายการ Architecture and Urbanism in Heterogeneous Society: Issues of Class and Gender(วิภาษา, 2550) Nuttawut Usavagovitwongมีวัตถุประสงค์เพื่อสะท้อนความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกแบบสถาปัตยกรรมและการผังเมืองรายการ IMPROVING INDOOR ENVIRONMENTS FOR LOW-INCOME SETTLEMENTS(2555-03-05T07:36:52Z) Nattawut UsavagovitwongThis article intends to clarify the importance of indoor environments in low-income settlements, which considered as marginal group of people, and to explore the possibility of indoor environmental improvement, which normally limit in financial resources, choices and alternatives. Regarding to their constraints, basic knowledge about sources of pollutants in the existing condition of low-income settlements are necessary as well as general condition of residential characteristics and their surroundings. By conducting the available core strategies, the prioritized major sources of pollutants are identified, simultaneously with investigating through the potential and strength of any resource in hand as solutions for alleviating this problem. Finally, plan and mechanism will be suggested on the basis of applicability and reasonableness in the real world.รายการ Learning from post-tsunami housing programme delivery, Thailand(2552-03) Nattawut UsavagovitwongAfter the Tsunami aftermath in Thailand, many housing projects were instigated with partially or fully supporting the alleviation of communities’ accommodation and, indirectly, underpinned community-based housing design and planning concept. There have been two obvious approaches; the fully donation-based housing programme, delivered directed from the donors, and the social-based housing programme based on communal reciprocity with the assistance from local/national non-government development organisations (NGOs). Having taking part in a couple of change to the number of case studies, the author mirrors their processes and results in different settlement characteristics in terms of physical configuration, community-based organisation, and the social-relation of the community members. The paper presents three issues; 1) The patterns of housing programme delivery in post-Tsunami, Thailand; 2) a short comparison of how different housing programmes affect social relationships among the dwellers and how neighbourliness may be re-established; and 3) a discussion on positive and negative impacts of post-Tsunami housing programme delivery as well as on lessons to be learnedรายการ Sustainable Urban Environmental Condition Development in Southeast Asia(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2545-09) Nuttawut Usavagovitwongความยั่งยืนที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ประกอบกับ การพัฒนาโดยคำจำกัดความที่องค์การสหประชาชาติ ได้ลงตัวไว้ใน Agenda ที่ 21รายการ Tips การแต่งบ้านสำหรับงานปาร์ตี้ต้อนรับคริสต์มาสและปีใหม่(2555-03-05T08:03:17Z) Nattha Savaviboolรายการ Tips การแต่งบ้านสำหรับงานปาร์ตี้ต้อนรับคริสต์มาสและปีใหม่(2553) ณัฐฐา สววิบูลย์Tips การแต่งบ้านสำหรับงานปาร์ตี้ต้อนรับคริสต์มาสและปีใหม่รายการ Urban poor housing development on Bangkok’s waterfront: securing tenure, supporting community processes(2555-03-05T06:49:49Z) Nattawut Usavagovitwong; Prayong PosriprasertThis paper describes a project to upgrade living conditions and provide secure tenure in nine “canal settlement” communities in Bangkok. It explains how this was planned and implemented, both on the ground and at the policy level, working with national institutions including the Community Organizations Development Institute (CODI) and the government body that owned the land. The different institutions involved are described, including the savings groups in each of the nine communities and the network of community organizations, which were particularly important for the realization of the project. The paper also discusses how upgrading plans were developed and how conflicts were addressedรายการ กรณีศึกษาการว่าจ้างแรงงานก่อสร้าง(ถนนกีบหมู) ถนนสุเหร่าคลองหนึ่ง เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร(2556-05-30T15:46:20Z) ภิญโญ บุญช่วยการศึกษาการว่าจ้างแรงงานก่อสร้าง(ถนนกีบหมู) ถนนสุเหร่าคลองหนึ่ง เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานครมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการแหล่งรวมแรงงานก่อสร้าง มีการแรงงานกี่ประเภท ค่าแรง การว่าจ้างและขั้นตอนการว่าจ้างแรงงานก่อสร้าง และการดูแลแรงงานจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง โดยศึกษาจากการออกแบบสอบถาม จากแรงงานก่อสร้างถนนสุเหร่าคลองหนึ่ง (ถนนกีบหมู) จํานวน 200 คนและผู้ที่ว่าจ้างแรงงานก่อสร้างถนนสุเหร่าคลองหนึ่ง (ถนนกีบหมู) จํานวน 40 รายและสัมภาษณ์จากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่แรงงานก่อสร้าง(ถนนกีบหมู) ถนนสุเหร่าคลองหนึ่ง และการสังเกต เก็บข้อมูลมาวิเคราะห์เชิงปริมาณและพรรณนา ผลการศึกษาพบว่ามีแรงงานก่อสร้างประมาณ 5,000-8,000 เป็นตลาดแรงงานก่อสร้างทีใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เหตุผลที่แรงงานเลือกมาอยู่ที่ตลาดแรงงานก่อสร้างแห่งนี้เพราะอิสระไม่มีระเบียบข้อบังคับ ได้รับค่าจ้างวันต่อวัน และได้รับค่าแรงที่สูงกว่าแรงงานก่อสร้างที่เป็นลูกจ้างของบริษัทรับเหมาก่อสร้างทั่วไป ค่าจ้างแรงงานกรรมกรหญิง 400 บาทต่อวัน กรรมกรชาย 450 บาทต่อวัน แรงงานช่าง 500 บาทต่อวันหรือมากกว่าขึ้นอยู่กับการตกลง การว่าจ้างสามารถทําได้โดยการเจรจาตกลงกันระหว่างผู้ว่าจ้างและแรงงานก่อสร้างโดยตรง เหตุผลหลักที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเลือกใช้แรงงานก่อสร้าง (ถนนกีบหมู) เนื่องจากขาดแคลนแรงงานและความสะดวกในการว่าจ้างไม่ต้องดูแลเรื่องสวัสดิการของแรงงานก่อสร้าง และมีแรงงานช่างมากมายหลายประเภทให้เลือกจ้างตามต้องการรายการ กรณีศึกษารูปแบบการบริหารองค์กรของผู้รับเหมาก่อสร้าง แบบเจ้าของคนเดียว(2556-05-30T15:50:51Z) มณีรัตน์ จันทร์ละม่อมการศึกษารูปแบบการบริหารองค์กรของผู้รับเหมาแบบเจ้าของคนเดียว มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการบริหารองค์กรของผู้รับเหมาก่อสร้างแบบเจ้าของคนเดียว และเพื่อเป็นแนวทางสําหรับบุคคลที่มีความสนใจในการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างแบบเจ้าของคนเดียว โดยมีวิธีการดําเนินการศึกษา คือ การสัมภาษณ์ผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีรูปแบบการบริหารองค์กรแบบเจ้าของคนเดียว ที่มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จํานวน 10 ราย เพื่อนําข้อมูลจากการสัมภาษณ์ดังกล่าวมาวิเคราะห์หาหลักการและวิธีการในการบริหารองค์กรเพื่อให้องค์ กรผู้รับเหมาก่อสร้างแบบเจ้าของคนเดียวสามารถดําเนินกิจการจนประสบความสําเร็จได้จนถึงทุกวันนี้ ผลการศึกษาพบว่าผู้รับเหมาก่อสร้างแบบเจ้าของคนเดียวนั้น เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในวิชาชีพช่างอยู่แล้วและต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเองจึงได้ลงทุนเปิด บริษัทรับเหมาก่อสร้างขึ้น โดยการรับงานรับเหมาก่อสร้างนั้นเป็นการรับงานแบบปากต่อปาก ในองค์กรจะมีพนักงานหลัก ๆ เพียงไม่กี่คนเท่านั้นและมีความสัมพันธ์ภายในองค์กรกันแบบเครือญาติ หากมีงานที่ต้องการใช้พนักงานเพิ่มจะเป็นการจ้างผู้รับเหมารายย่อยมาทํางานต่ออีกทอดหนึ่ง นอกจากนี้ในด้านการบริหารงานต่าง ๆ ภายในองค์กรเจ้าของกิจการจะเป็นผู้ดําเนินงานเองทั้งหมดยกเว้นงานด้านบัญชีที่จะใช้วิธีการจ้างบริษัทบั ญชีภายนอกมาดําเนินการแทนรายการ กล่อม-ไกว ภูมิปัญญาแม่สู่ลูก เพื่อนนำเสนอแนวความคิดการใช้พื้นที่สาธารณะสำหรับแม่และเด็กทารก(คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2560) ฐิติรัตน์ หมื่นอนันต์; อานนท์ พรหมศิริGLOM-GWAI The wisdom to present the concept about using public space for mothers and baby. To pay attention in parents and baby behaviors that always change by time and place. By creating a space for serve activities like a feeding baby and mother habit and Including hygiene area beneath in design theory for everyone. Study from a research and related theories. Observations will focus in market group from mother who needs to feed her baby with breast milk for her first year or more. Then take the data to analyze, synthetic behavior including in demand of furniture and the right environment for motherhood and baby. To presenting the concept will be result in the ability to design areas in response to baby care activities.รายการ การจัดการห้องเรียนที่สอดคล้องกับจํานวนนักศึกษา กรณีศึกษา: คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี(2556-05-30T16:51:08Z) ปชาชิต ลิมวัฒนานนท์การค้นคว้าอิสระครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1.) เพื่อศึกษาและแก้ไขปัญหาตารางสอนที่ไม่เหมาะสมโดยคํานึงการปรับเปลี่ยนตารางสอนให้ส่งผลกระทบกับเรื่อง อื่นน้อยที่สุดและสามารถแก้ปัญหาได้จริง 2.) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาและเสนอแนะแนวทางแก้ไขให้แก่คณบดี ประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า คือ ห้องสําหรับทําการเรียนการสอนซึ่งอยู่บริเวณชั้นล่างและชั้น 2 ของคณะรวมไปถึงห้องเรียนที่ตั้งอยู่ในบริเวณรอบๆตัวอาคารของคณะ เครื่องมือที่ใช้ในการทําการศึกษาค้นคว้า คือ เครื่องมือวัดระยะ เครื่องมือในการจดบันทึก อุปกรณ์บันทึกภาพ และตารางสอนที่ระบุห้องและจํานวนนักศึกษา ผลการศึกษาค้นคว้า พบว่า รายวิชาของอาจารย์ในคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมมีข้อผิดพลาดในการจัดตารางสอนอยู่พอสมควร จากการศึกษารวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆแล้วทางผู้วิจัยได้ทําการจัดตารางสอนใหม่ให้กับอาจารย์ที่จะต้อง เข้าไปสอนยังห้องที่ไม่สามารถทําการเรียนการสอนได้ และรายวิชาที่ยังไม่มีห้องที่จะทําการเรียนการสอน โดยหลังจากการจัดทําตารางสอนใหม่ของผู้วิจัย ทําให้ทุกรายวิชาภายในคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมมีห้องเรียนที่เหมาะสมกับจํานวนผู้เรียนและไม่มีรายวิชาใด ที่ไม่มีห้องสอนเหมือนที่ผ่านๆมาในทุกเทอมของภาคการศึกษารายการ การทบทวนวรรณกรรม เรื่องความเหลื่อมล้ำในบริบทเมืองศูนย์กลาง(คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2560) ฐิติวัฒน์ นงนุช; ณัฐวุฒิ อัศวโกวิทวงศ; ทนงศักดิ์ รัตนสุคนธ; ธีรบูลย์ ฉลองมณีรัตน์This article is partial sumary from the full research of urban inequality. The objective of this research was to collect and classify all linkage researches of urban inequality to identify the gap of inequality studying. Data collecting was relied on the 542 paper which published on the data base of The National Research Council of Thailand (NRCT) and The Thailand Research Fund (TRF). The data were analyze from the data repetition by percentage. This study has founded that the group of research divided into 11 typology of urban inequality group: income, opportunity to access,environment, geography, public access, education, community, safty, health, public administration, and data subscribe. The research gap of urban inequality has divided in 4 topics: income, data subscribe, public administration, and education research. Inaddition, the description study of urban inequality has few number of researches.รายการ การนําธรรมาภิบาลมาใช้ในโครงการก่อสร้าง ขององค์การบริหารส่วนตําบลบึงชําอ้อ(2556-05-30T15:55:03Z) พงศกร ศรีสุวรรณการศึกษาเรื่อง “การนําหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในโครงการก่อสร้าง: ศึกษา กรณีองค์การบริหารส่วนตําบลบึงชําอ้อ” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการดําเนินงานโครงการการสร้างขององค์การบริหารส่วนตําบลบึงชําอ้อภายใต้การ บริหารตามหลักธรรมาภิบาลและเพื่อศึกษาปัญหา อุปสรรคและแนวทางในการปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาลขององค์การบริหารส่วนตําบลบึงชําอ้อ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ความสุจริต ความมีประสิทธิภาพและความมีประสิทธิผล ตอบสนองความต้องการของประชาชนในเขตพื้นที่ได้อย่างเต็มที่ ผู้ศึกษาได้ดําเนินการศึกษาเชิงคุณภาพ โดยสัมภาษณ์ ผู้บริหารจํานวน 1 คน ข้าราชประจํา จํานวน 2 คน ผู้ปกครองท้องที่ จํานวน 3 คนและประชาชนผู้เกยี่ วข้อง จํานวน 3 คน ผลการศึกษาพบว่า องค์การบริหารส่วนตําบลบึงชําอ้อ มีการบริหารงานภายใต้หลักธรรมาภิบาล โดยได้ปฏิบัติตามแนวทางหลักพื้นฐาน 6 ประการ ของหลักธรรมาภิบาล โดยส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ความโปร่งใสและการมีส่วนร่วม โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ร่วมแสดงความคิดเห็น ปัญหาและอุปสรรค พบว่า กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ที่เกี่ยวข้องในบางเรื่องยังล้าสมัยไม่ทันต่อเหตุการณ์ในปัจจุบันทําให้เกิดความล่าช้าในการปฏิบัติงาน ซึ่งทําให้ภาพที่ออกไปสู่สาธารณชนนั้น มองว่าองค์การบริหารส่วนตําบลไม่ได้ให้ความเป็นธรรม ข้อเสนอแนะการสร้างธรรมาภิบาลในองค์การบริหารส่วนตําบลบึงชําอ้อต้องได้รับความร่วมมือจากพนักงานส่ว นตําบลส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง ชุมชน โดยต้องมีการอบรมหลักธรรมาภิบาล อบรมการปฏิบัติงานในสายวิชาชีพของพนักงาน เพื่อให้การปฏิบัติงานถูกต้องแม่นยํา ปลูกฝังจริยธรรม คุณธรรม ในภาคประชาชนนั้นต้องมีการจัดประชุมทั้งประธานชุมชน ประชาชนในเขตพื้นที่สม่ําเสมอ เพื่อชี้แจงการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตําบลรวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนในการตรวจสอบด้านความโปร่งใสขององค์การบริหารส่วนตําบลบึงชําอ้อ อีกทางหนึ่งด้วยรายการ การประเมินความปลอดภัยด้านอัคคีภัยในอาคาร กรณีศึกษา อาคารบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จํากัด(2556-05-30T16:58:40Z) ไพโรจน์ บุญยิ่งการศึกษาเรื่อง การประเมินความปลอดภัยด้านอัคคีภัย ในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยเลือก อาคารบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จํากัด เป็นกรณีศึกษา ซึ่งอาคารดังกล่าวเป็นอาคารสํานักงาน สูง17ชั้น(ไม่รวมชั้นใต้ดินและดาดฟ้า)โครงสร้างอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก มีพื้นที่ใช้สอย25,185 ตาราง เมตร เปิดใช้งานวันที่ 28 กันยายน 2530 เป็นอาคารที่ก่อสร้างก่อนกฎกระทรวงฉบับที่ 33 (พ.ศ.2535) จะมี ผลบังคับใช้ ซึ่งเป็นกฎหมายควบคุมอาคารที่มีการกําหนดให้อาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่พิเศษ ต้องจัดให้มี ระบบป้องกันอัคคีภัยตามที่กฎหมายกําหนด วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้เพื่อประเมินความปลอดภัยด้านอัคคีภัย ศึกษาถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผล ต่อระดับความปลอดภัยด้านอัคคีภัย รวมถึงข้อบกพร่องในการป้องกันอัคคีภัยของอาคารบริษัทบริหารสิน ทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จํากัด เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขและปรับปรุง ข้อบกพร่องที่พบ และเพิ่มระดับ ความปลอดภัยด้านอัคคีภัยของอาคารบริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จํากัด ให้สูงขึ้นผู้ศึกษาได้จัด ทําแบบประเมินเป็นแบบ Check-list ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 33 (พ.ศ.2535) เป็นเกณฑ์การประเมินเบื้องต้น ดําเนินการเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ และการเดินสํารวจพื้นที่ต่างๆ ภายในอาคาร ผลการศึกษาจากการสํารวจและประเมินความปลอดภัยด้านอัคคีภัยของอาคารบริษัทบริหารสิน ทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จํากัด ตามข้อกําหนดที่ระบุในกฎกระทรวงฉบับที่ 33 (พ.ศ.2535) ยังถือว่าอาคารยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยได้ โดยไม่ผ่านการตรวจประเมินรวม 13 รายการ จากรายการที่ทําการตรวจ ประเมินทั้งหมด45รายการโดยที่ผ่านเป็นไปตามข้อกําหนดรวม 32รายการรายการ การปรับเปลี่ยนกระบวนการในหน่วยงานซักรีด กรณีศึกษา โรงพยาบาลเอกชน 18 ชั้น แห่งหนึ่ง ในจังหวัดนนทบุรี(2556-05-30T17:04:40Z) สามารถ เจนชัยจิตรวนิชการค้นคว้าอิสระนี้เป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนการและเพิ่มประสิทธิภาพในหน่วยงานซั กรีด ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งจากการศึกษาในการบริหารอาคารการปรับเปลี่ยนกระบวนการจะสามารถเพิ่มผลผลิตของหน่วย งานได้ โดยเป็นวิธีการที่ทําได้โดยไม่ต้องลงทุน ซึ่งการเพิ่มผลผลิต สามารถทําได้หลายวิธี จากการศึกษาจะเห็นได้ว่า พลังงานที่ใช้ในโรงพยาบาลในประเทศไทยมีอัตราการใช้พลังงานสูงกว่าถ้าเทียบกับสถานประกอบก ารอื่นๆ ดังนั้นถ้าการปรับเปลี่ยนกระบวนสามารถ เพิ่มผลผลิตได้ สามารถลดต้นทุนการใช้พลังงานลงได้ ก็หมายความว่าสามารถเพิ่มผลกําไรให้กับเจ้าของธุรกิจ หรือ เจ้าของอาคารได้ หน่วยงานซักรีดในโรงพยาบาลถือเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ใช้พลังงานสูง และ มีค่าใช้จ่ายในด้านพลังงานมากมาย ซึ่งถือเป็นต้นทุนในด้านการบริการในโรงพยาบาล เพราะหน่วยงานซักรีดในโรงพยาบาลนั้นทําหน้าที่บริการด้านการซักผ้า และ รีดผ้าให้กับบุคลากร และ ผู้ป่วยในโรงพยาบาลดังนั้นถือว่าเป็นหน่วยงานสําคัญหน่วยงานหนึ่งในโรงพยาบาลเพราะถ้าหน่วยง านซักรีดไม่สามารถซักผ้าและรีดผ้าได้ตามความต้องการของโรงพยาบาลก็จะทําให้โรงพยาบาลนั้นสู ญเสียในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นด้านความพึงพอใจของบุคลากร และ ผู้ใช้บริการเอง ด้านการเงินเอง เพราะถ้าไม่สามารถผลิตผ้าได้ออกมาตามความต้องการได้ก็จะทําให้สูญเสียรายได้ เพราะไม่สามารถรับผู้ป่วยเพิ่มได้ หรือ ไม่บางครั้งอาจจะต้องมีการสํารอง เสื้อผ้า ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว เพิ่มขึ้นเพื่อให้เพียงพอกับอัตราการมาใช้บริการของผู้ป่วยและบุคลากร การปรับเปลี่ยนกระบวนการในหน่วยงานซักรีดจะเห็นได้ว่า จะต้องหาปัญหาที่เกิดขึ้นที่อะไรที่เป็นอุปสรรคในการทํางาน จากการเข้าไปศึกษาและทําการทดลอง จะเห็นได้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคือการทํางานของแผนกไม่สอดคล้องและไม่สัมพันธ์กัน และมีตัวอุปกรณ์บางตัวที่เป็นปัญหา หรือ ชํารุด ต้องมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อให้เครื่องจักรทํางานได้เต็มประสิทธิภาพ รวมถึงการไปเข้าไปออกแบบ ตารางจดบันทึกข้อมูลเพื่อที่จะทําให้การจดบันทึกสามารถนําข้อมูลมาวิเคราะห์ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นได้ พร้อมกับเข้าไปทําให้สภาพแวดล้อมของการทํางานอยู่ในสภาพที่ดีเพื่อเพิ่มศักยภาพของคนให้ทํางานให้ได้เต็มประสิทธิภาพ จากการทดลองและปรับเปลี่ยนกระบวนการในหน่วยงานซักรีดนั้นเราได้เข้าไปปรับเปลี่ย นโดยทํา 4 มาตรการ เพื่อเพิ่มผลผลิต และ ลดต้นทุนการผลิตของแผนก และ เพิ่มขวัญกําลังใจให้กับบุคลากรในหน่วยงาน ซึ่งทําให้กลายเป็นองค์ความรู้ใหม่ให้กับองค์กรในโรงพยาบาล โดยหน่วยงานซักรีดได้เป็นต้นแบบในการที่ให้หน่วยงานอื่นในโรงพยาบาลเข้ามาศึกษาและนําไปปฏิบัติตาม ในส่วนสุดท้าย ได้นําในการเสนอแนวทางแก้ไขปรับปรุงนั้น ได้คํานึงถึงการที่จะพัฒนาหน่วยงานซักรีดให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด และ เป็นการต่อยอดองค์ความรู้ใหม่ให้กับหน่วยงานซักรีดอื่นที่จะนําไปค้นคว้าหรือศึกษาต่อ เพื่อให้เกิดการประหยัดและเพิ่มผลผลิตอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนรายการ การยศาสตร์สมาธิสู่การออกแบบสมถกรรมฐานอาสนะ(ศูนย์การเรียนรู้พุทธศิลป์ถิ่นอีสาน สำนักวิชาศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี, 2561-10-25) อานนท์ พรหมศิริปัจจุบันการทำสมาธิเชื่อมโยงกับวิทยาศาสตร์ การวิจัยจานวนมากบ่งชี้ว่าช่วยเพิ่ม ความสามารถทางร่างกายและจิตใจของผู้ที่สนใจปฏิบัติ ผลงานสร้างสรรค์นี้มีแนวคิดจากการศึกษา เรื่องการยศาสตร์ของผู้ทำสมาธิโดยยึดตามหลักการของการทำสมาธิรูปแบบสมถกรรมฐาน (Samadhi) ซึ่งเป็นพื้นฐานการทำสมาธิ หนึ่งในปัจจัยการทำสมาธิของคนในปัจจุบันคือปัญหาของ การนั่งสมาธิบนพื้นราบที่มีระยะเวลานาน ทำให้เกิดความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ โครงสร้างของ กระดูก และปัจจัยทางสรีรวิทยาที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นแนวคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบสมถกรรม ฐานอาสนะ จากการศึกษาการยศาสตร์ของการทำสมาธิเป็นอีกวิธีหนึ่งแนวทางเพื่อออกแบบ เครื่องมือในการอานวยความสะดวกของผู้ปฏิบัติสมาธิได้ดี โดยไม่ขัดกับการปฎิบัติสมาธิตามหลักสม ถกรรมฐาน อันมีวัตถุประสงค์เพื่อการฝึกจิตให้มีสมาธิและส่งผลให้เกิดภาวะสมดุลทั้งจิตใจและสรีระ ของผู้ปฎิบัติ ผู้ศึกษาจึงสนใจการวิเคราะห์ถอดระยะสัดส่วนของการยศาสตร์การนั่งสมาธิในรูปแบบ ต่างๆ และใช้ทฤษฎีการนั่งสมถกรรมฐาน มาเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์รูปทรงที่ตอบสนองกับสรีระ และออกแบบและพัฒนาเป็นเครื่องเรือนประเภทลอยตัวรายการ การศึกษาการใช้โปรแกรมสําเร็จรูปในการบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร กรณีศึกษา บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ(2556-05-30T16:46:11Z) กฤษณะ นิลสกุลปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทอย่างมากในทุกๆ ด้าน หากแต่ว่าเราสามารถที่จะนําเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ ในงานด้านที่เกี่ยวข้องกับงานของเราได้ จะทําให้เกิดผลของงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น งานด้านบริหารทรัพยากรอาคารในปัจจุบันก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ และนําซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ ซึ่งงานการค้นคว้าอิสระนี้ ได้ทําการศึกษาการนําโปรแกรมเข้ามาใช้งานในการบริหารจัดการ งานบริหารทรัพยากรอาคาร ส่วนของงานบํารุงรักษา ของบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาเปรียบเทียบโปรแกรมการบริหารจัดการงานบํารุงรักษา, เพื่อศึกษาองค์ประกอบความต้องการพื้นฐานจากโปรแกรมในการบริหารงานบํารุงรักษา, เพื่อศึกษากระบวนการวิเคราะห์ ประกอบการพิจารณาระหว่างการจัดซื้อซอฟต์แวร์โปรแกรมสําเร็จรูปหรือการพัฒนาโปรแกรมซอฟต์แวร์ใช้งานเอ งและเพื่อศึกษากระบวนการวิเคราะห์ ด้านของความคุ้มค่าในการลงทุน จากการศึกษาพบว่าโครงสร้างการทํางานของซอฟต์แวร์บริหารงานบํารุงรักษา ทั้งส่วนซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นโดยต่างประเทศและพัฒนาขึ้นภายในประเทศไม่มีความแตกต่างกัน, การจัดซื้อโปรแกรมซอฟต์แวร์สําเร็จรูป มีค่าใช้จ่ายที่ต่ํากว่าและระยะเวลาพร้อมใช้งานที่สั้นกว่า การพัฒนาโปรแกรมใช้งานเอง และการนําโปรแกรมซอฟต์แวร์บริหารงานบํารุงรักษามาใช้งานจะทําให้เกิดผลประหยัดให้กับองค์กรโดยมีระยะเว ลาคืนทุนที่เหมาะสมรายการ การศึกษาความจําเป็นต่อการใช้แรงงานต่างด้าวในกิจการรับเหมาก่อสร้าง โครงการบ้านจัดสรร เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล กรณีศึกษา : ราคาขายบ้าน 3.5 - 8.5 ล้านบาท(2556-05-30T16:00:34Z) ยุทธนา ประทุมโพธิ์การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสํารวจ ( Survey Research) ในรูปแบบของแบบสอบถาม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความจําเป็นต่อการใช้แรงงานต่างด้าวในกิจการรับเหมาก่อสร้างโครงการบ้านจั ดสรร ซึ่งแรงงานต่างด้าวทั้งหมดที่ทํางานอยู่ในโครงการบ้านจัดสรรคือแรงงานต่างที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายทั้งห มด ในปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนและทํางานเป็นแรงงานเป็นการชั่วคราว เมื่อผู้ศึกษาได้สํารวจพบว่าแรงงานที่ทํางานในโครงการบ้านจัดสรรในปัจจุบันเป็นแรงงานต่างด้าวเป็นส่วนใ หญ่ซึ่งมีประมาณร้อยละ 63 ของแรงงานทั้งหมด และเป็นแรงงานคนไทยเพียงร้อยละ 37 ซึ่งแรงงานคนไทยกระจายทํางานอยู่ทุกประเภทงานที่มีอยู่ในประเภทงานของงานก่อสร้างโครงการบ้านจัดส รร แรงงานคนไทยชื่นชอบที่จะทํางานที่ใช้ทักษะ ความรู้และประสบการณ์มากกว่างานที่ใช้กําลัง แรงงานงานคนไทยที่ทํางานอยู่ในงานประเภทใช้กําลังมีแผนที่หยุดและเลิกทํางานชนิดนั้นๆ ในเวลาอันใกล้ ดังนั้น ในอนาคตค่าร้อยละของแรงงานคนไทยที่ทํางานในโครงการบ้านจัดสรรก็จะมีแนวโน้มลดลง ค่าร้อยละของแรงงานต่างด้าวที่ทํางานในโครงการบ้านจัดสรรก็จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ผู้ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างโครงการบ้านจัดสรรส่วนใหญ่ให้ข้อมูลว่าแรงงานคนไทยและแรงงานต่ างด้าวลดลงด้วยกันส่งผลให้ผู้ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างโครงการบ้านจัดสรรขาดแคลนแรงงานเป็นอ ย่างมาก และในขณะที่แรงงานก่อสร้างคนไทยลดลง ผู้ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างโครงการบ้านจัดสรรจึงมีความจําเป็นที่จะต้องใช้แรงงานต่างด้าวทํางานใน โครงการบ้านจัดสรรในเขตกรุงเทพและปริมณฑล โดยหาวิธีการบริหารแรงงานด้วยวิธีการต่างๆ เช่นการจ้างเหมาช่วง การจ่ายค่าแรงทุกสัปดาห์ การจ่ายค่าแรงที่ตรงเวลา เป็นต้น เพื่อรักษาจํานวนแรงงานที่มีอยู่ไว้ให้นาย ส่วนแรงงานที่ต่างด้าวที่น่าจะทดแทนแรงงานไทยหรือเหมาะกับการทํางานในโครงการบ้านจัดสรรมีอยู่เพียง 2 สัญชาติ คือ แรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าที่ขื่นชอบและถนัดงานที่ใช้ทักษะ ประสบการณ์ความละเอียดเรียบร้อย เช่น งาน ก่ออิฐฉาบปูน งานทาสี เป็นต้น และแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาที่อดทนต่องานหนัก ไม่เลือกงาน และเรียนรู้งานได้เร็ว เป็นต้นรายการ การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการบานปลายของงบประมาณ การก่อสร้างบ้านพักอาศัยประเภทสร้างเอง ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล(2556-05-30T16:04:21Z) ปาริชาต ศรีมงคลการวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการบานปลายของงบประมาณการก่อสร้างบ้านพักอาศัยประเภทสร้างเองใ นเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นการวิจัยเชิงสํารวจ (Survey Research) โดยสัมภาษณ์จากกลุ่ม เจ้าของบ้านพักอาศัยประเภทสร้างเองที่มีราคาค่าก่อสร้าง 5-15 ล้านบาท และจากสถาปนิกและผู้รับเหมา จํานวนกลุ่มตัวอย่างละ 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ และค่าร้อยละ รวมถึงการจัดกลุ่มและสรุปภาพรวมของข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการบานปลายของงบประมาณ คือ ผู้ออกแบบขาดประสบการณ์ และมีการออกแบบไม่ละเอียด ทําให้ประเมินราคาค่าก่อสร้างบ้านพักอาศัยต่ํากว่าความเป็นจริงและประเมินราคาได้ไม่ครบถ้วน ทําให้ต้องเพิ่มงบประมาณในภายหลัง การกําหนดงบประมาณในการตกแต่งบ้านไว้น้อยเกินไปโดยส่วนใหญ่กําหนดไว้เพียงร้อยละ 20 ของงบประมาณการก่อสร้างบ้าน การที่ไม่มีการทําสัญญาจ้างกับผู้รับเหมารายย่อย การที่เจ้าของบ้านพักอาศัยเข้าไปทําการเลือกซื้อวัสดุเอง ทําให้ขาดการคํานึงถึงงบประมาณที่กําหนดไว้ นอกจากนั้นราคาค่าวัสดุตามที่ออกแบบมีราคาเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากที่ได้ประเมินราคาไว้เมื่อเวลาเปลี่ยนไป การที่เจ้าของบ้านพักอาศัยสั่งเพิ่มงานก่อสร้างมากกว่าแบบที่กําหนดไว้ เช่น มีการขยายพื้นที่บ้านเพิ่ม หรือเปลี่ยนแปลงแบบ และการก่อสร้างประสบอุปสรรคจากปัญหาสภาพภูมิอากาศ
- «
- 1 (current)
- 2
- 3
- »