ปัญหากฎหมายคุ้มครองแรงงา: ศึกษากรณีการย้ายสถานประกอบกิจการของนายจ้าง เวลาพักและสัญญาจ้างมีกำหนดเวลาซึ่งมิใช่เป็นธุรกิจปกติของนายจ้าง
กำลังโหลด...
วันที่
2553-05-18T09:11:36Z
ผู้เขียน
ชื่อวารสาร
วารสาร ISSN
ชื่อหนังสือ
สำนักพิมพ์
เชิงนามธรรม
วิทยานิพนธ์นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหากฎหมายคุ้มครองแรงงาน โดยศึกษาเฉพาะกรณีการย้ายสถานที่ประกอบกิจการของนายจ้าง การจัดเวลาพักและการจ้างงานแบบมีกำหนดเวลา ซึ่งมิใช่เป็นธุรกิจปกติของนายจ้าง ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ได้บัญญัติคุ้มครองลูกจ้างไว้ ว่ากฎหมายขาดความเหมาะสมหรือมีจุดบกพร่องใดที่ควรแก้ไขให้ครอบคลุมปัญหาในทางปฎิบัติเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งนายจ้างและลูกจ้างรวมถึงสังคมการใช้แรงงานของประเทศไทย
จากการศึกษาพบว่าการย้ายสถานประกอบกิจการของนายจ้างไปตั้ง ณ ที่แห่งอื่นอันเป็นเหตุให้ลูกจ้างได้รับผลกระทบสำคัญต่อการดำรงชีวิตของตนเองหรือครอบครัวและลูกจ้างไม่ประสงค์ย้ายไปทำงานกับนายจ้าง ณ สถานประกอบกิจการแห่งใหม่นั้น สามารถยกเลิกสัญญาจ้างกับนายจ้างและขอรับค่าชดเชยจากนายจ้างตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 118 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ได้ แต่ในทางปฎิบัติไม่มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการพิจารณาว่าลูกจ้างที่จะยกเลิกสัญญาจ้างได้นั้นจะต้องได้รับผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของตนเองหรือครอบครัวมากน้อยเพียงใดจึงยกเลิกสัญญาได้ จึงทำให้นายจ้างใช้เป็นเหตุในการปฎิเสธการยกเลิกสัญญากับลูกจ้างได้ และพบว่ากฎหมายมิได้คุ้มครองไปถึงการย้ายสถานที่ทำงานของลูกจ้างไปทำงาน ณ ที่แห่งอื่นที่นายจ้างมีอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งลูกจ้างเหล่านั้นได้รับผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของตนเองหรือ ครอบครัวไม่อาจยกเลิกสัญญาและขอรับค่าชดเชยพิเศษได้ จึงเป็นช่องว่างของกฎหมายให้นายจ้างที่จะปฎิเสธการจ่ายค่าชดเชยพิเศษ ทำการตั้งสถานประกอบกิจการ ณ ที่แห่งอื่นก่อนที่จะสั่งย้ายลูกจ้างไปทำงาน ทำให้ลูกจ้างเสียสิทธิในการยกเลิกสัญญาและเสียสิทธิในการรับค่าชดเชยตามที่กฎหมายกำหนดไว้ และในเรื่องการจัดเวลาพักให้ลูกจ้าง พบว่ากฎหมายมิได้มีข้อกำหนดห้ามมิให้นายจ้างออกระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งจำกัดสิทธิและเสรีภาพของลูกจ้าง ทำให้ลูกจ้างขาดอิสระในการใช้ชีวิตส่วนตนในระหว่างเวลาพักตามเจตนารมณ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ รวมถึงประเด็นปัญหาสัญญาจ้างแบบมีกำหนดเวลาในงานซึ่งมิใช่ธุรกิจปกติของนายจ้าง ลูกจ้างเหล่านี้โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ด้อยโอกาสทางสังคมในการหางานทำประจำไม่ได้ จึงยินยอมรับทำงานแบบสัญญาจ้างมีกำหนดเวลา แต่ลูกจ้างเหล่านี้ไม่ได้รับความคุ้มครองในเรื่องการจ่ายค่าชดเชย ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานกำหนด เพราะกฎหมายคุ้มครองไม่ถึง การคุ้มครองแรงงานสัญญาจ้างงานลักษณะนี้ออกไปแตกต่างจากการจ้างงานในธุรกิจปกติ โดยลักษณะงานเช่นนี้จะมีความใกล้เคียงกันกับงานในปกติของธุรกิจของนายจ้าง ทำให้ลูกจ้างไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการคุ้มครองแรงงานจากรัฐอย่างเท่าเทียมกัน จึงไม่สอดคล้องกับหลักการคุ้มครองสิทธิของบุคคลที่จะได้รับจากรัฐตามที่กำหนดเอาไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญพุทธศักราช 2550 มาตรา 30
ในวิทยานิพนธ์เล่มนี้ผู้เขียนได้เสนอแนวทางแก้ไขไว้สามประการ โดยให้แก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 120 ให้มีหลักพิจารณาผลกระทบของลูกจ้างที่จะยกเลิกสัญญาจ้างกับนายจ้างไว้อย่างชัดเจนและให้คุ้มครองไปถึงกรณีการย้ายลูกจ้างไปทำงานในสถานประกอบกิจการอื่นๆ ที่นายจ้างมีอยู่แล้วด้วย และให้แก้ไขมาตรา 27 วรรคแรกโดยการเพิ่มเติมข้อห้ามมิให้นายจ้างออกระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน หรือคำสั่งจำกัดสิทธิและเสรีภาพลูกจ้างในระหว่างเวลาพัก เว้นแต่มีเหตุอันสมควรและได้รับความยินยอมจากลูกจ้างและได้เสนอให้ยกเลิกมาตรา 118 วรรคสามและวรรคสี่ ของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 เพื่อให้การคุ้มครองลูกจ้างที่ทำสัญญาจ้างแบบมีกำหนดเวลาในงานที่มิใช่ธุรกิจปกติหรือทางการค้าของนายจ้างให้ได้รับความคุ้มครองอย่างเท่าเทียมกันเหมือนกับสัญญาจ้างในงานที่เป็นธุรกิจปกติหรือทางการค้าของนายจ้าง อันจะก่อให้เกิดความเป็นธรรมในการใช้แรงงานมากยิ่งขึ้นเดิม
คำอธิบาย
คำหลัก
กฎหมาย, การคุ้มครองแรงาน, การย้ายสถานประกอบกิจการ, นายจ้าง, สัญญาจ้าง