Please use this identifier to cite or link to this item: http://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/719
Title: มาตรการทางกฎหมายในการบังคับชำระหนี้ของกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองแห่งชาติ
Authors: วลัญช์ศักดิ์ สุภารัตมโชติ
Keywords: กฎหมาย
การชำระหนี้
กองทุนหมู่บ้าน
Issue Date: 12-February-2551
Abstract: วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษามาตรการทางกฎหมายในการบังคับชำระหนี้ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ โดยศึกษาตั้งแต่ความสำคัญของแบบนิติกรรมต่อ การบังคับชำระหนี้ การบังคับชำระหนี้เกี่ยวกับเงินที่มีอยู่ในบัญชีของกองทุน การคิดดอกเบี้ย ในการกู้ยืมเงินของสมาชิก อายุความของการบังคับชำระหนี้ และการบังคับคดี ทั้งนี้เพราะแนวทางในการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองเพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนในหมู่บ้านและชุมชน สามารถใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้ท้องถิ่นมีความเข้มแข็งพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน อันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ จากการศึกษาพบว่ามาตรการทางกฎหมายในการบังคับชำระหนี้ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ จะมีประสิทธิภาพในการรักษาเงินของกองทุนไว้ตลอดไป นิติกรรมของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่ใช้อยู่ มิได้กำหนดแบบของนิติกรรมไว้โดยเฉพาะ แต่ละกองทุนต้องนำหลักกฎหมายทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับซึ่งไม่เหมาะสมต่อการบังคับชำระหนี้โดยตาม มาตรา 653 บัญญัติว่า การกู้ยืมเงิน ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืม จะฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ แต่ในกรณีกองทุนควรใช้การทำสัญญาที่เป็นหนังสือลงลายมือชื่อ ทั้งผู้ให้กู้และผู้กู้ และควรให้คู่สมรสได้ให้ความยินยอมลงชื่อไว้ในสัญญาด้วย เพราะเป็นผลดีในการบังคับชำระหนี้ และไม่ควรจะอนุญาตให้สมาชิกมาทำสัญญากู้แทนกันได้ ป้องกันปัญหาเรื่องปลอมลายมือชื่อ สำหรับในเรื่องการทำสัญญากู้ยืมเงินซึ่งต้องทำตามแบบสัญญากำหนด การทำสัญญาค้ำประกันเงินกู้ พบว่า ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติว่าด้วยการจัดตั้งและบริหารกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ หรือระเบียบ (กทบ.) ข้อ 33 ใช้คำว่า “อาจ” ย่อมแสดงได้ว่า เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการกองทุนที่จะใช้หลักประกัน หรือไม่ใช้ หรือจะใช้หลักประกันเฉพาะเงินกู้ยืมบางส่วนก็ได้ ย่อมเป็นการเสี่ยงต่อการบังคับชำระหนี้โดยไม่มีหลักประกัน ส่วนการบังคับชำระหนี้เกี่ยวกับเงินที่มีอยู่ในบัญชีของกองทุน ยังมีความไม่ชัดเจนแน่นอนในเรื่องเจ้าของเงินของกองทุนส่งผลถึงเรื่องอำนาจฟ้อง และอายุความของการบังคับชำระหนี้ ประกอบกับมีการคิดอัตราดอกเบี้ยในการกู้ยืมเงินเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และเมื่อลูกหนี้ผิดนัดมีการคิดดอกเบี้ยทบต้นโดย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งการบังคับคดี ได้นำกระบวนการตามกฎหมายทั่วไปมาใช้บังคับ ซึ่งขัดแย้งกับแนวความคิดในการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อให้ประชาชนในระดับรากหญ้าพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน เพราะการดำเนินคดีมีขั้นตอนที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายต้องว่าจ้างทนายความ ไม่อาจให้พนักงานอัยการรับว่าต่างหรือแก้ต่างให้ได้เพราะกองทุนมิใช่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ตามาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ.2547 ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ผู้เขียนจึงได้เสนอแนะให้คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติจัดทำแบบนิติกรรมให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้แต่ละกองทุนนำมาใช้ ทั้งให้มีการแก้ไขระเบียบคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติว่าด้วยการจัดตั้งและบริหารกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ.2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในส่วนที่บกพร่องอยู่เพื่อให้แต่ละกองทุนบริหารจัดการแก้ไขปัญหาการไม่ชำระหนี้เงินกู้ รวมทั้งจัดระบบและบริหารจัดการเงินกองทุนของตนเองอันเป็นการสร้างศักยภาพในการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศชาติในอนาคต
URI: http://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/719
Appears in Collections:S_CHO-09. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท



Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.