GRA-09. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท

URI ถาวรสำหรับคอลเล็กชันนี้

เรียกดู

การส่งล่าสุด

ตอนนี้กำลังแสดง1 - 20 ของ 42
  • รายการ
    กลยุทธ์การบริหารจัดการการจัดกิจกรรมนำความรู้สู่สังคมของนักศึกษาร่วมกันระหว่างชุมชน ของกลุ่มวิทยาลัยในเครือไทย-เทค
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2567) จุฑารัตน์ แสงลอย
    การดำเนินการวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเรื่องกลยุทธ์การบริหารจัดการจัดกิจกรรมนำความรู้สู่สังคมของนักศึกษาร่วมกันระหว่างชุมชนของกลุ่มวิทยาลัยในเครือไทย-เทค มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลการดำเนินการการจัดกิจกรรมนำความรู้สู่สังคมร่วมกันระหว่างชุมชนของวิทยาลัยในเครือไทย-เทค 2) กำหนดกลยุทธ์การบริหารจัดการการจัดกิจกรรมนำความรู้สู่สังคมร่วมกันระหว่างชุมชนของวิทยาลัยในเครือไทย-เทค 3) ประเมินกลยุทธ์การบริหารจัดการการจัดกิจกรรมนำความรู้สู่สังคมร่วมกันระหว่างชุมชนของวิทยาลัยในเครือไทย-เทค โดยการดำเนินการวิธีวิจัยจัดทำเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ศึกษาผลการดำเนินการจัดกิจกรรมนำความรุ้สู่สังคม ระยะที่ 2 กำหนดกลยุทธ์การบริหารจัดการการจัดกิจกรรมนำความรู้สู่สังคม และระยะที่ 3 ประเมินกลยุทธ์ในการจัดกิจกรรมการนำความรู้สู่สังคมร่วมกันระหว่างชุมชน (SSR) ของกลุ่มวิทยาลัยในเครือไทย-เทค โดยแบ่งเป็น 4 ด้านคือ พิจารณาความเหมาะสม ความเป็นไปได้ ความสอดคล้องและความเป็นประโยชน์ เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถาม และแบบประเมิน มีค่าความเชื่อมั่น 0.901 สถิติที่ใช้ วิเคราะห์สถิติพื้นฐาน ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์เนื้อหา
  • รายการ
    การบริหารสถานศึกษาเอกชนระดับประถมศึกษาที่ใช้หลักสูตรที่เน้นการสอนด้วยภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิผล
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2567) จิตนิภา สว่างแจ้ง
    การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาการบริหารจัดการหลักสูตรการสอนที่เน้นภาษาอังกฤษในสถานศึกษาเอกชนในระดับประถมศึกษาที่ผ่านการประเมินมาตรฐานสากล 2) เพื่อเปรียบเทียบการบริหารจัดการหลักสูตรที่เน้นภาษาอังกฤษของโรงเรียนเอกชนระดับประถมศึกษาตามความคาดหวังของผู้บริหาร ครู และผู้ปกครอง และ 3) เพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการของโรงเรียนเอกชนระดับประถมศึกษาที่เน้นภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิผล การวิจัยครั้งนี้เก็บรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้บริหารที่ผ่านการประเมินมาตรฐานสากล จำนวนทั้งสิ้น 2 โรงเรียน และผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง จำนวน 928 คน จากจำนวน 32 โรงเรียน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสัมภาษณ์และแบบสอบถาม สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test ANOVA แบบ Dunnett t3 และวิเคราะห์เนื้อหา
  • รายการ
    การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นผู้นำเชิงจริยธรรมกับประสิทธิผลโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2567) ดุษฎี นาเสงี่ยม
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาระดับความเป็นผู้นำเชิงจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา 2) เพื่อศึกษาประสิทธิผลโรงเรียน และ 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นผู้นำเชิงจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครู จำนวน 315 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถามแสดงความคิดเห็น มีค่าความเที่ยงตรงระหว่าง 0.67 – 1.00 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.943 วิเคราะห์ข้อมูลด้วย ค่าความถี่ ค่าร้อยะ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและค่าสัมประสิทธ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน
  • รายการ
    ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 2
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2567) พรพรรณ ประทุมชัย
    การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 2 ประชากรของการศึกษาเป็นครุกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 2 สุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) จำนวน 181 คน เครื่องมือวิจัย คือแบบสอบถาม ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามเท่ากับ 0.942 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมุล ไก้แก่ ความถี่ ร้อยละ คะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นต้น
  • รายการ
    การศึกษาความแตกต่างของเจนเนอเรชั่นที่มีต่อสมรรถนะการปฏิบัติงานของครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จ. ปทุมธานี เขต 2
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2567) เขมมิรินทร์ ทุมลา
    การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาสมรรถนะการปฏิบัติงานของครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานพื้นที่การศึกษา จ. ปทุมธานี เขต 2 (2) ศึกษาความแตกต่างของสมรรถนะในการปฏิบัติงานของครูที่มีเจนเนอเรชั่นต่างกัน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ ครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จ. ปทุมธานี เขต 2 จำนวนทั้งสิ้น 11 โรงเรียน ครู 274 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามและสถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ (Frequency) ค่าเฉลี่ย X และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One – Way ANOVA) ด้วยสถิติ F-Test
  • รายการ
    ความสมบูรณ์ของสัญญารับตั้งครรภ์แทน
    (Sripatum University, 2567) รัฐธีร์ หนูเทศ
    วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงเรื่องความสมบูรณ์ของสัญญารับตั้งครรภ์แทนและการนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะนิติกรรม-สัญญาที่มีอยู่ในปัจจุบันมาปรับใช้กับสัญญาตั้งรับครรภ์แทน เพื่อให้สัญญาตั้งรับครรภ์แทนเป็นสัญญาที่มีความสมบูรณ์ รวมถึงแนวทางในการบัญญัติกฎหมายที่เหมาะสมเกี่ยวกับสัญญารับตั้งครรภ์แทนในประเทศไทย
  • รายการ
    นโยบายภาครัฐที่มีต่อการสนับสนุนและกำกับดูแลต่อธุรกิจขายตรงในประเทศไทย
    (Sripatum University, 2566) รชยา ศุภนราพรรค์
    การศึกษาเรื่อง "นโยบายภาครัฐที่มีต่อการสนับสนุนและกำกับดูแลต่อธุรกิจขายตรงในประเทศไทย" ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงผลกระทบในการสนับสนุนและการกำกับดูแลของภาครัฐที่มีต่อการดำเนินธุรกิจขายตรง และศึกษาถึงนโยบายของภาครัฐที่มีผลกระทบต่อนักธุรกิจขายตรงในประเทศไทย และผู้บริโภค โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 100 ชุด และเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้บริโภคคนสุดท้ายจำนวน 400 ชุด ประมวลผลการศึกษาด้วยคอมพิวเตอร์โปรแกรม SPSS สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ครั้งนี้คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยใช้ค่า Rcgrcssion Analysis ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 และคลาดเคลื่อนได้ไม่เกินร้อยล่ะ 5
  • รายการ
    การบริหารงานของคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ ระดับสถานีตำรวจ : ศึกษาเฉพาะกรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาล
    (Sripatum University, 2566) จตุพร พลภักดี
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการบริหารงานและการสนับสนุนการปฏิบัติงานตำรวจในด้านต่าง ๆ ของคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ ระดับสถานีตำรวจ ในเขตพื้นที่ต่าง ๆ ของกรุงเทพมหานคร โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างข้าราชการตำรวจ ที่สังกัดสถานีตำรวจในเขตกองบัญชาการตำรวจนครบาล แบ่งการเก็บรวบรวมข้อมูลออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม จำนวน 427 คน และจากการสัมภาษณ์ จำนวน 9 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมทางสถิติสำเร็จรูป SPSS สถิติที่ใช้คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบ Chi-square และ การทดสอบ Anova
  • รายการ
    คุณภาพชีวิตในการทำงานของข้าราชการตำรวจกองสวัสดิการ สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2566) วรฉัตร บุญสุยา
    การศึกษาเชิงสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวัดระดับคุณภาพชีวิตในการทำงาน การรับรู้ความสามารถในการทำงาน ของตนเอง การรับรู้ระบบบริหาร ค่านิยมต่อการทำงาน ค่านิยมต่อราชการ และค่านิยมต่อบริการ และ ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตในการทำงาน ของข้าราชการตำรวจ กองสวัสดิการ สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการแจกแบบสอบถามแก่ข้าราชการตำรวจทุกฝ่ายในหน่วยงานดังกล่าว 322 ชุด ได้รับการตอบกลับและนำมาประมวลผลได้ 224 ชุดคิดเป็นร้อยละ 69.9
  • รายการ
    ความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจในการทำงาน ความผูกพันต่อองค์การและพฤติกรรมในการปฎิบัติงานของพนักงานบริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตและวัตถุก่อสร้าง จำกัด
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2566) อภิรัตน์ ชื่นกลิ่น
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) ระดับแรงจูงใจในการทำงาน (2) ระดับความผูกพันต่อองค์การ (3) พฤติกรรมการปฎิบัติงาน (4) ปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อแรงจูงใจในการทำงาน (5) ปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อความผูกพันต่อองค์การ (6) ความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจในการทำงานกับความผูกพันต่อองค์การ และ (7) ความสัมพันธ์ระหว่างความผูกพันต่อองค์การกับพฤติกรรมการปฎิบัติงานของพนักงานบริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีต และวัตถุก่อสร้าง จำกัด กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ พนักงานของบริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีต และวัตถุก่อสร้าง จำกัด จำนวน 340 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัย สถิติที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย การแจกแจงความถี่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ การวิเคราะห์สถิติ t-test และสถิติ F-test จากผลการวิจัยพบว่า ความแตกต่างระหว่างบุคคลส่งผลให้บุคคลมีแรงจูงใจในการทำงาน ความผูกพันต่อองค์การ และพฤติกรรมการปฎิบัติงานที่แตกต่างกัน โดยที่แรงจูงใจในการทำงานเป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความผูกพันต่อองค์การ และเมื่อพนักงานมีความผูกพันต่อองค์การแล้วย่อมทำให้พนักงานปฎิบัติหน้าที่ให้กับองค์การได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • รายการ
    การพัฒนา SOFT SKILLS ในการทำงานสำหรับนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
    (Sripatum University, 2565) ธนกรณ์ ชัยธวัช
    การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษา Soft Skills ในการทำงานสำหรับนักศึกษา ระดับปริญญาตรีตามความต้องการของผู้ใช้บัณฑิต ของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต 2) เพื่อออกแบบและพัฒนา Soft Skills ในการทำงานสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตและ 3) เพื่อวัด Soft Skills ในการทำงานสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตก่อนและหลังการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาทักษะ
  • รายการ
    การพัฒนารูปแบบสื่อการเรียนรู้ไมโครเลิร์นนิ่ง เรื่องการคุมกำเนิด สำหรับผู้เรียนในกลุ่มของการศึกษานอกโรงเรียน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
    (Sripatum University, 2565) พฤกษ์ สวัสดี
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบสื่อการเรียนรู้ไมโครเลิร์นนิ่ง เรื่องการคุมกำเนิด สำหรับผู้เรียนในกลุ่มของการศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดนครราชสีมา 2) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของสื่อการเรียนรู้ ที่มีการผลิตตามเกณฑ์ของค่าประสิทธิภาพกระบวนการ/ผลลัพธ์ 3) เพื่อศึกษาผลของการใช้รูปแบบสื่อการเรียนรู้ไมโครเลิร์นนิ่ง เรื่องการคุมกำเนิด สำหรับผู้เรียนในกลุ่มของการศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดนครราชสีมา
  • รายการ
    การพัฒนาผลการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องชนิดของคำไทยโดยใช้เทคนิคห้องเรียนกลับด้าน สำหรับนักศึกษาจีน ชั้นปีที่ 3
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2565) แคทญาดา โกษา
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษากระบวนการพัฒนาผลการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องชนิดของคำไทย โดยใช้เทคนิคห้องเรียนกลับด้าน ของนักศึกษาจีน ชั้นปีที่ 3 2) เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องชนิดของคำไทย ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้เทคนิคห้องเรียนกลับด้าน ของนักศึกษาจีน ชั้นปีที่ 3 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย มีจำนวน 2 ชุด แบ่งออกเป็น 1. เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้คือ แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน 2.เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบทดสอบวัดความรู้เรื่อง ชนิดของคำไทยกลุ่มตัวอย่างกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ นักศึกษาสาขาวิชาภาษาไทย ชั้นปีที่ 3 Southwest Forestry University ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 68 คน ที่ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster sampling) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที(t-test แบบ dependent) ผลการศึกษาวิจัย พบว่า 1. กระบวนการพัฒนาผลการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องชนิดของคำไทย โดยใช้เทคนิคห้องเรียนกลับด้าน ของนักศึกษาจีน ชั้นปีที่ 3 มีการจัดการเรียนรู้ร่วมกับการศึกษาเนื้อหาบทเรียนด้วยตนเอง 7 หน่วยการเรียนรู้ แบบไม่ประสานเวลา และมีการเรียนแบบประสานเวลาในห้องเรียนทั้งหมด 7 ครั้ง ผู้เรียนจะศึกษาเนื้อหาเรื่อง ชนิดของค าไทย จากใบความรู้ และชุดแบบฝึกหัด ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีการทำแบบทดสอบวัดผลการเรียนเรื่อง ชนิดของคำไทย ก่อนเรียนหลังจากเรียนจนเสร็จสิ้นกระบวนการ ผู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน 2. ผลการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่อง ชนิดของค าไทย ด้วยวิธีการสอนแบบห้องเรียนกลับด้าน พบว่า คะแนนสอบก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 15.68 และคะแนนสอบหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 33.68 และ ซึ่งพบว่าคะแนนสอบหลังเรียนของผู้เรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05
  • รายการ
    การพัฒนาสื่อมัลติมิเดียสำหรับการจัดการเรียนรู้เชิงรุกวิชาการสนทนาภาษาไทย สำหรับนักศึกษาชาวจีน
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2565) กมลวรรณ เลิศสุวรรณ
    งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนา และหาประสิทธิภาพของสื่อมัลติมีเดียวิชาการสนทนาภาษาไทย สำหรับนักศึกษาชาวจีน 2) ออกแลบบแผนการจัดการเรียนการสอนแบบเชิงรุก วิชาการสนทนาภาษาไทย สำหรับนักศึกษาชาวจีน ร่วมกับการใช้สื่อมัลติมีเดีย 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาก่อนเรียน และหลังเรียนจากการใช้สื่อมัลติมีเดีย วิชาการสนทนาภาษาไทย สำนักศึกษาชาวจีน การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบแผนการทดลองขั้นต้น (Pre-Experimental Research Design) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาภาษาไทย Hainan Tropical Ocean University จำนวน 50 คน ซึ่งใช้วิธีการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) สื่อมัลติมีเดีย วิชาการสนทนาภาษไทย สำหรับนักศึกษาชาวจีน 2) แผนการจัดการเรีบนรู้เชิงรุก 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน การหาประสิทธิภาพ E1/E2 และสถิติ t-test
  • รายการ
    การจัดการเรียนรู้โดยใช้บุคคลต้นแบบเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักศึกษาปริญญาตรี ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2565) อรรถวุฒิ มุขมา
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อออกแบบกระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้บุคคลต้นแบบเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน 2) เพื่อศึกษาแรงบันดาลใจในการอ่านของนักศึกษาหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้บุคคลต้นแบบ 3) เพื่อเปรียบเทียบนิสัยรักการอ่านของนักศึกษา ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้บุคคลต้นแบบ เป็นการวิจัยเชิงทดลองขั้นพื้นฐานแบบ Pre-Experimental design กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาปริญญาตรี ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ที่เรียนวิชา GELT1001 ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 นักศึกษาจำนวน 50 คน 1 กลุ่มเรียน ได้มาโดยวิธีสุ่มแบบกลุ่ม ด้วยวิธีการจับสลาก โดยใช้กลุ่มเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้บุคคลต้นแบบ มีผลค่าระดับความเหมาะสมมากที่สุด 2) แบบวัดแรงบันดาลใจในการอ่าน มีค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 1.00 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ0.930 3) แบบวัดนิสัยรักการอ่าน มีค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ1.00 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ0.937 วิเคราะห์ข้อมูลโยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่า t-test sample group และ t-test dependent
  • รายการ
    การศึกษาความพอใจในชีวิตจากกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานจิตอาสาสำหรับสมาชิกธนาคารเวลา
    (Sripatum University, 2565) ชัยฤทธิ์ อิ่มเจริญ
    การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาและพัฒนากระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานจิตอาสาสำหรับสมาชิกธนาคารเวลา 2) ทดลองใช้กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 3) ประเมินผลการศึกษาความพอใจในชีวิตจากกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กลุ่มประชากรสมาชิกธนาคารเวลาในพื้นที่กรุงเทพฯ และนนทบุรี
  • รายการ
    การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกระบวนการชี้นำตนเองในการพัฒนาทักษะปฏิบัติท่ารำ สำหรับนักเรียนนาฏศิลป์ระดับอาชีวศึกษา
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2565) ชานนท์ อนันต์สลุง
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกระบวนการชี้นำตนเองในการพัฒนาทักษะปฏิบัติท่ารำ สำหรับนักเรียนนาฏศิลป์ระดับอาชีวศึกษา 2) เพื่อเปรียบเทียบผลการปฏิบัติท่ารำ หลังการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกระบวนการชี้นำตนเอง สำหรับนักเรียนนาฏศิลป์ระดับอาชีวศึกษากับเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แบบสอบถามคุณลักษณะความพร้อมของการเรียนรู้ด้วยการชี้นำตนเอง 2) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกระบวการชี้นำตนเอง 3) แบบประเมินทักษะปฏิบัติท่ารำ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย กลุ่มที่ 1 นักเรียนชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 3 สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ จำนวน 369 คน ได้มาจากการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ กลุ่มที่ 2 นักเรียนชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 3 สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป์ลพบุรี จำนวน 46 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่มวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที
  • รายการ
    การพัฒนารูปแบบการสอนออนไลน์ด้วยการเรียนรู้แบบนำตนเองของนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีทางการแพทย์และสาธารณสุข กาญจนาภิเษก
    (Sripatum University, 2565) นรเชษฐ์ กระดังงา
    งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการสอนออนไลน์ของวิทยาลัยเทคโนโลยีทางการแพทย์และสาธารณสุข กาญจนาภิเษก เพื่อพัฒนารูปแบบการสอนออนไลน์ด้วยการเรียนรู้แบบนำตนเอง และประเมินผลการเรียนรู้ของนักศึกษาจากการใช้รูปแบบการสอนออนไลน์ด้วยการเรียนรู้แบบนำตนเอง เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย 1) แบบสอบถามรูปแบบการสอนออนไลน์ของผู้บริหาร คณาจารย์ และแบบสอบถามความสามารถในการนำตนเองของนักศึกษา 2) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การออกแบบคอมพิวเตอร์กราฟิกเพื่อการนำเสนอ 3) แบบประเมินผลการเรียนรู้
  • รายการ
    การพัฒนาผลงานการออกแบบด้วยหลักสูตรการจัดการเรียนรู้ ตามศาสตร์ฮวงจุ้ย
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2565) ชลัคร์กมล ภวภัชชกุล
    การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ (1) เพื่อศึกษาความต้องการการจัดการเรียนรึ้ของนักออกแบบด้วยหลักสูตรการจัดการเรียนรู้ตามศาสตร์ของอวงจุ้ย (2) เพื่อจัดทำหลักสูตรการจัดการเรียนรุ้ตามศาสตร์ของฮวงจุ้ยสำหรับนักออกแบบ และ (3) เพื่อประเมินผลงานการออกแบบโลโก้ของนักออกแบบตามศาสตร์ฮวงจุ้ย กลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก คือ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการออกแบบด้วยศาสตร์ของฮวงจุ้ย จำนวน 4 คน กลุ่มเป้าหมาาย คือ นักออกแบบอิสระ จำนวน 55 คน การวิจัยครั้งนี้มีแบบแผนการวิจัยแบบผสมผสาน เครื่องมือที่ใช้วิจัย 1) แบบสัมภาษณ์เชิงลึก ผลค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 1.00 2) หลักสูตรการจัดการการเรียนรู้ตามศาสตร์ของฮวงจุ้ยมีความเหมาะสมในระดับมาก 3) แบบประเมินความรู้ความเข้าใจหลังการอบรม การตรวจสอบค่าความเชื่อมั่นได้มีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา 0.962 สรุปได้ว่า แบบประเมินความรู้ความเข้าใจมีคุณภาพ และ 4) แบบประเมินการออกแบบโลโก้ ผลค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 1.00 สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
  • รายการ
    การพัฒนาการเขียนตัวอักษรจีน ผ่านกิจกรรมค่ายภาษาจีนแบบออนไลน์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จังหวัดตราด
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2565) ชนาธิป ประสาร
    ปัญหาการวิจัยเนื่องจากคะแนนการเขียนตัวอักษรจีน โดยการสอบวัดระดับความสามารถมาตรฐานภาษาจีน HSK ของนักเรียนจังหวัดตราดผลปีที่ผ่านมานั้นต่ำมาก ผู้วิจัยจึงมีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ 1) เพื่อศึกษาวิธีการจัดกิจกรรมค่ายภาษาจีนแบบออนไลน์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จังหวัดตราด 2) เพื่อพัฒนาการเขียนตัวอักษรจีนผ่านกิจกรรมค่ายภาษาจีนแบบออนไลน์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จังหวัดตราด 3) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการเขียนตัวอักษรจีนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จังหวัดตราด ก่อนและหลังการเข้าร่วมกิจกรรมค่ายภาษาจีนแบบออนไลน์ เครื่องมือที่ใช้การวิจัย คืิ 1) แผนกิจกรรมค่ายภาษาจีน เรื่อง การพัฒนาการเขียนตัวอักษรจีน ผ่านกิจกรรมค่ายภาษาจีนแบบออนไลน์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จังหวัดตราด 2) แบบทดสอบชนิดอัตนัยการเขียนตัวอักษรจีนเทียบเท่ากับการสอบวัดระดับความสามารถมาตรฐานภาษาจีน HSK ระดับที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 sampling จำนวน 45 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย (X) ร้อยละ (%) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) คะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ (GS%) t-test แบบ Dependent ค่าความยากง่าย (p) ค่าอำนาจจำแนก (r) และ ค่าความเชื่อมั่นโดยใช้สูตรของ Kuder-Richardson (KR 20)