GRA-09. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท

URI ถาวรสำหรับคอลเล็กชันนี้

เรียกดู

การส่งล่าสุด

ตอนนี้กำลังแสดง1 - 20 ของ 71
  • รายการ
    สภาพปัจจุบันและปัญหาการดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ช่วงชั้นที่ 3-4 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2551) วันเพ็ญ แก้วไสว
    การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพการปฏิบัติงานและปัญหาการดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ช่วงชั้นที่ 3-4 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 การดำเนินการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา 8 ด้าน และเปรียบเทียบสภาพและปัญหาการประกันคุณภาพภายใน จำแนกตามขนาดของสถานศึกษา และประเภทของสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้ช่วยผู้บริหารสถานศึกษาฝ่ายวิชาการหรือครูหัวหน้าฝ่ายวิชาการ และครูที่เป็นกรรมการและเลขานุการการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ช่วงชั้นที่ 3-4 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 ขนาดใหญ่พิเศษ ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก จำนวน 63 แห่ง กลุ่มตัวอย่างจำนวน 189 คนเลือกมาใช้วิธีการสุ่มแบบชั้นภูมิ (Stratified random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นตามการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา จำแนกเป็น 8 ด้าน จำนวน 53 ข้อ การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยหาความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา มีค่า IOC ระหว่าง 0.67 – 1.00 และค่าความเชื่อมั่นโดยการหาค่าแอลฟ่าตามวิธีของครอนบาคมีค่าอยู่ระหว่าง 0.844 – 0.984 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t-test และ F-test และทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่ โดยใช้ Scheffe’s test กำหนดนัยสำคัญที่ระดับ .05
  • รายการ
    ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมผู้นำกับบรรยากาศองค์การของสถานศึกษาระดับอาชีวศึกษาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2551) บุษราภรณ์ เบี้ยพุ่มพวง
    การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมผู้นำกับบรรยากาศองค์การ ของสถานศึกษาระดับอาชีวศึกษา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปรียบเทียบพฤติกรรมผู้นำตามตำแหน่งและอายุ กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ครู-อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาที่ทำงานในสถานศึกษาระดับอาชีวศึกษา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เลือกมาโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิและกำหนดจำนวนกลุ่มตัวอย่าง 265 คน โดยวิธีคำนวณจากตารางของเครจ์ซีและมอแกน (Krejcie and Morgan) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่พัฒนามาจากแบบวัดพฤติกรรมผู้นำ LBDQ (Leader Behavior Description Questionnaire) ของฮาลพินและไวเนอร์ จำนวน 32 ข้อ และแบบสอบถามเกี่ยวกับบรรยากาศองค์การ ตามแนวคิดของฟอกซ์และคณะ (Fox and others) จำแนกเป็น 8 ด้าน จำนวน 46 ข้อ ซึ่งแบบสอบถามทั้ง 2 ประเภท ผู้วิจัยนำมาดัดแปลงให้เข้ากับสภาพที่ต้องการศึกษา การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือจากกลุ่มตัวอย่าง คือความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาตามวิธีการหาค่าความสอดคล้อง IOC (Index of Consistency) เท่ากับ 1.00 หาค่าความเชื่อมั่นโดยการหาค่าแอลฟ่ามีค่าเท่ากับ 0.870 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS for Windows
  • รายการ
    การบริหารระบบสารสนเทศเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษาภายในกลุ่มโรงเรียนในเครือไทย-เทค
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2551) วนิดา สกุลเจริญไพโรจน์
    การศึกษาครั้งนี้ ผู้วิจัยมีวัตถุประสงค์พัฒนาระบบสารสนเทศในการเก็บข้อมูล เพื่อใช้ในการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน สำหรับกลุ่มโรงเรียนในเครือไทย-เทค โดยการนำมาตรฐานข้อกำหนด ตัวบ่งชี้ คำอธิบาย กิจกรรมตอบสนองตัวบ่งชี้ ข้อมูลการประกอบการพิจารณาแหล่งข้อมูล ข้อมูลที่ต้องการเก็บรวบรวม ผู้รับผิดชอบ เกณฑ์การตัดสิน เครื่องมือที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูล รวบรวมแต่ละมาตรฐานและตัวบ่งชี้ เก็บไว้ที่เว็บไซต์ของโรงเรียนที่ http://www.kulsiri.ac.th/assurance/ ผู้รับผิดชอบงานแต่ละมาตรฐาน แต่ละตัวบ่งชี้สามารถเก็บข้อมูลในงานที่รับผิดชอบไว้ได้ และยังสามารถเพิ่มลบแก้ไขข้อมูลที่ได้ทำไปแล้วได้ตลอดเวลา เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บเป็นแบบสอบถาม ข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ และได้เก็บข้อมูลแบบการสนทนากลุ่มย่อยเพื่อให้ได้ข้อมูลตรงกับความรับผิดชอบของแต่ละสำนักงานโดยตรง ข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ
  • รายการ
    ความคิดเห็นของครูที่มีต่อภาวะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชน กลุ่มโรงเรียนในเครือไทย - เทค
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2551) สุจารี ฮีมินกูล
    การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูที่มีต่อภาวะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชน กลุ่มโรงเรียนในเครือไทย-เทค กลุ่มตัวอย่างคือ ครูจำนวน 295 คน กลุ่มตัวอย่างเทียบจากตารางกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างของเครจซี่และมอร์แกน (Krejcie and Morgan) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ 98 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบคือ t-test และ F-test และทดสอบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ ด้วยวิธี Least Significant Difference (LSD)
  • รายการ
    สภาพและปัญหาการประกันคุณภาพภายในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ในเขตกรุงเทพมหานคร
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2551) พรประภา ถาวร
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาการประกันคุณภาพภายในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ในเขตกรุงเทพมหานคร และเพื่อเปรียบเทียบสภาพและปัญหาการประกันคุณภาพภายในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ในเขตกรุงเทพมหานคร จำแนกตามขนาด และประเภทของสถาบันอุดมศึกษาในองค์ประกอบ 9 ด้าน ที่สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษากำหนดให้เป็นเกณฑ์ การประเมินภายนอก กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผู้บริหาร และคณาจารย์ ในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ในเขตกรุงเทพมหานคร ปีการศึกษา 2550 จำนวน 377 คน โดยใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ (Stratified random sampling) ตามกลุ่มของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น และตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ โดยหาความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหามีค่า IOC ระหว่าง 0.88 – 0.92 หาค่าความเชื่อมั่นโดยวิธีของครอนบาค แบบสอบถามการปฏิบัติงานประกันคุณภาพภายใน และปัญหา การประกันคุณภาพภายใน 0.934 และ 0.921 ตามลำดับ การเก็บรวบรวมข้อมูลผู้วิจัยแจกแบบสอบถามและรับคืนด้วยตนเอง การวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ SPSS (Statistical Package for the Social Science) หาค่าคะแนนเฉลี่ย ส่วนความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ การทดสอบค่าเฉลี่ยโดยการใช้ F-test และเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่โดยใช้ Scheffe test
  • รายการ
    การศึกษาบุคลิกภาพตามแนวจริต 6 ในพระพุทธศาสนาของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดนนทบุรี
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2550) กนกกาญจน์ สินภิบาล
    การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงสำรวจ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบุคลิกภาพตามแนวจริต 6 ในพระพุทธศาสนาของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จังหวัดนนทบุรี และเพื่อศึกษาเปรียบเทียบบุคลิกภาพตามแนวจริต 6 ในพระพุทธศาสนาของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จังหวัดนนทบุรี ซึ่งได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Sampling) จำนวน 277 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสำรวจบุคลิกภาพตามแนวจริต 6 ซึ่ง สุรีรัตน์ ฝนอรุณ เป็นผู้สร้าง จำนวน 341 ข้อ เมื่อนำมาใช้กับกลุ่มตัวอย่างมีค่าความเที่ยงตรงตามเนื้อหา (IOC) ระหว่าง 0.08 – 1.00 ค่าความเชื่อมั่น (a-coefficient) เท่ากับ 0.9486 วิเคราะห์ข้อมูลโดยโปรแกรมสำเร็จรูป SPSS for Windows เพื่อคำนวณหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ การทดสอบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างสองกลุ่มที่เป็นอิสระต่อกัน (t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (ANOVA) และการหาความแตกต่างรายคู่โดยใช้วิธีการของ Scheffe
  • รายการ
    สภาพปัจจุบันและปัญหาการจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนสังกัดสำนักเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2551) ธิรดา ถาวรทัศนกิจ
    การศึกษาครั้งนี้ผู้วิจัยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาการจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 และเปรียบเทียบการจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของสถานศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 จำแนกตามขนาดของสถานศึกษา
  • รายการ
    ความคิดเห็นของครูและผู้บริหารสถานศึกษาที่มีต่อการประเมินผลการบริหารสถานศึกษา ในจังหวัดสิงห์บุรี โดยใช้ BALANCED SCORECARD
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2551) มาลินี พัวพานิช
    การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย (1) เพื่อศึกษาความเห็นของครูและผู้บริหารสถานศึกษา ที่มีต่อการประเมินผลการบริหารสถานศึกษา ในจังหวัดสิงห์บุรี โดยใช้ Balanced Scorecard (2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูและผู้บริหารสถานศึกษา ที่มีต่อการประเมินผลการบริหารสถานศึกษาในจังหวัดสิงห์บุรี โดยใช้ Balanced Scorecard ตามประเภทและขนาดของสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่างเลือกมาโดยใช้วิธีสุ่มแบบชั้นภูมิ จำนวน 338 คน เป็นครู 296 คน และผู้บริหารสถานศึกษา 42 คน จากสถานศึกษา 48 แห่ง เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับความคิดเห็นของครูและผู้บริหารสถานศึกษา ที่มีต่อการประเมินผลการบริหารสถานศึกษา โดยใช้ Balanced Scorecard 4 มิติ มีลักษณะเป็นมาตรวัดประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 48 ข้อ มีค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาอยู่ระหว่าง 0.67
  • รายการ
    การศึกษาปัจจัยในการตัดสินใจของผู้ปกครองในการส่งนักเรียนเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนระดับประถมศึกษา
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2551) วีระพงศ์ หล่อสมบูรณ์
    การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย (1) เพื่อศึกษาปัจจัยในการตัดสินใจของผู้ปกครองในการส่งนักเรียนเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชน ระดับประถมศึกษา (2) เพื่อเปรียบเทียบการตัดสินใจของผู้ปกครองในการส่งนักเรียนเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนระดับประถมศึกษา จำแนกตามสถานภาพของผู้ปกครองในด้านอายุ ระดับการศึกษา และรายได้ กลุ่มตัวอย่างเลือกมาโดยวิธีสุ่มแบบหลายขั้นตอน เป็นผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนเอกชน ระดับประถมศึกษา จำนวน 302 คน ซึ่งกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างตามตารางของเครจซี่และมอร์แกน จากโรงเรียน 5 แห่ง เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับความเห็นของผู้ปกครองเกี่ยวกับปัจจัยในการตัดสินใจของผู้ปกครองในการส่งนักเรียนเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชน ระดับประถมศึกษา มีลักษณะเป็นมาตราวัดประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 43 ข้อ มีค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาอยู่ระหว่าง 0.67 – 1.00 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับอยู่ระหว่าง 0.98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน หาค่าความแตกต่างระหว่าง 2 กลุ่ม ใช้ค่า t-test และหาค่าความแตกต่างระหว่าง 3 กลุ่ม ใช้ค่า F-test
  • รายการ
    ความคิดเห็นของนิสิตปริญญาตรีที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนของคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2552) ฐิติรัตน์ สุพลธวณิชย์
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนิสิตปริญญาตรีที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนของคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์โดยรวมและรายด้าน และเพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของนิสิตปริญญาตรีที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนของคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยรวมและรายด้าน เมื่อนิสิตมีสถานภาพต่างกัน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นนิสิตปริญญาตรีชั้นปีที่ 2 - 4 ในภาคปลาย ปีการศึกษา 2552 จำนวน 264 คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ทฤษฎีลิมิตกลาง และสุ่มตัวอย่างโดยใช้การสุ่มแบบชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ ด้านความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาได้ค่า IOC ระหว่าง 0.50 – 1.00 หาค่าความเชื่อมั่นโดยวิธีของครอนบาค ได้ค่า 0.97 การเก็บรวบรวมข้อมูลผู้วิจัยแจกแบบสอบถามและรับคืนด้วยตนเอง การวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์หาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าคะแนนเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าเฉลี่ยโดยการใช้ t-test วิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว และเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป้นรายคู่โดยใช้วิธีเชฟเฟ่
  • รายการ
    สภาพและปัญหาการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษาในเครือบดินทรเดชา
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2551) ชัยรัตน์ ล้ำฤทธิ์
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษาในเครือบดินทรเดชา และเพื่อเปรียบเทียบสภาพและปัญหาการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษาในเครือ บดินทรเดชา จำแนกสถานศึกษา และแต่ละกลุ่มสาระ ในองค์ประกอบ 17 ด้านที่ขอบข่ายงานวิชาการของกระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้เป็นเกณฑ์ กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอนจากสถานศึกษาในเครือบดินทรเดชา ปีการศึกษา 2550 ในการวิจัยใช้กลุ่มตัวอย่าง 215 คน ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม นำมาวิเคราะห์และแปรผลการศึกษาโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ
  • รายการ
    สภาพการพัฒนาการประกันคุณภาพสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสิงห์บุรี ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินของสมศ.
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2551) นันทพร มั่นทัพ
    การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพการพัฒนาการประกันคุณภาพการศึกษามาตรฐาน ด้านผู้เรียน ด้านครู และด้านผู้บริหาร ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสิงห์บุรี และเพื่อเปรียบเทียบ สภาพการพัฒนาการประกันคุณภาพการศึกษามาตรฐาน ด้านผู้เรียน ด้านครู และด้านผู้บริหาร ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสิงห์บุรี จำแนกตามขนาดของโรงเรียนและระดับการจัดการศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา คือ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูจำนวน 168 คน โดยการสุ่มแบบมีสัดส่วนจากปีการศึกษา 2549 -–2550 จากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์กรมหาชน) ที่มีผลไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 28 โรงเรียน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นหาค่าความเชื่อมั่นโดยวิธีของครอนบาคได้ค่าความเชื่อมั่น 0.93 และค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาเป็นค่า IQC 1.00 และค่าความเที่ยงตรงภายใน (t-test) อยู่ระหว่าง 19.96 – 23.649 ซึ่งมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 การเก็บรวบรวมข้อมูลผู้วิจัยแจกและรับคืนด้วยตนเองจากกลุ่มตัวอย่างการวิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและทดสอบความแตกต่างโดยใช้ค่า t-test
  • รายการ
    ปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการทำงานของนักบินกองบิน 6
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2552) ธนากร เอี่ยมปาน
    การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการทำงานของนักบินและเพื่อสร้างสมการการพยากรณ์พฤติกรรมการทำงานของนักบินกองบิน 6 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักบินกองบิน 6 จำนวน 114 คน เลือกแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถาม จำนวน 78 ข้อ หาความเชื่อมั่นใช้สัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค มีค่าทั้งฉบับเท่ากับ 0.974 และค่าความเที่ยงตรงโดยหาค่า IOC มีค่าเท่ากับ 1.00
  • รายการ
    รูปแบบการตัดสินใจของผู้บริหารสถานศึกษา ในสังกัดกรุงเทพมหานคร
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2551) ชิตภณ ศานติสุข
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษารูปแบบการตัดสินใจในการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษา ในสังกัดกรุงเทพมหานคร และเพื่อเปรียบเทียบรูปแบบการตัดสินใจของผู้บริหารสถานศึกษา ในสังกัดกรุงเทพมหานคร จำแนกตาม เพศ ระดับการศึกษา ประสบการณ์ในตำแหน่ง และขนาดของสถานศึกษา รูปแบบการตัดสินใจของผู้บริหารสถานศึกษาครอบคลุม งานบริหารสถานศึกษาทั้ง 4 ด้าน คือ 1) ด้านการบริหารวิชาการ 2) ด้านการบริหารงบประมาณ 3) ด้านการบริหารบุคคล 4) ด้านการบริหารทั่วไป ส่วนรูปแบบการตัดสินใจใช้แนวความคิดของวรูมและเยตตัน (Vroom and Yetton) มี 5 รูปแบบ คือ แบบที่ 1 ผู้บริหารใช้ข้อมูลที่มีอยู่แล้ว และตัดสินใจเอง แบบที่ 2 ผู้บริหารหาข้อมูลจากครูอาจารย์ในโรงเรียนก่อนแล้วตัดสินใจเอง แบบที่ 3 ผู้บริหารหารือกับครูอาจารย์ในโรงเรียนเป็นรายบุคคลแล้วตัดสินใจเอง แบบที่ 4 ผู้บริหารหารือกับครูอาจารย์ในโรงเรียนเป็นกลุ่มแล้วตัดสินใจเองและ แบบที่ 5 ผู้บริหารให้ครู อาจารย์ในโรงเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 316 คน
  • รายการ
    ปัจจัยที่สัมพันธ์กับลักษณะผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพในการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษาขั้นพี้นฐาน สำนักงานเขตพี้นที่การศีกษาระยองเขต 1
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2553) ภคพร น้อยมิ่ง
    การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาลักษณะผุ้บริหารที่มีประสิทธิภาพและปัจจัยที่สัมพันธ์กับลักษณะผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพในการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมถึงสร้างสมการพยากรณ์ปัจจัยที่สัมพันธ์ลักษณะผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพในการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยองเขต 1 กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยองเขต 1 จำนวน 125 คน สุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม จำนวน 62 ข้อ หาความเชื่อมั่นโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคมี่ค่าเท่ากับ 0.973 และค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาเป็นค่า IOC เท่ากับ 1.00
  • รายการ
    อุปสรรคในกฎหมายการลงทุนของไทยในการขอบัตรส่งเสริมสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2552) เตือนใจ ศรีละมัย
    วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติและมีบทบาทสำคัญ ในการเป็นรากฐานของการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของชาติ นอกจากนั้นก็ยังเป็นกลไกหลักในการฟื้นฟู และเสริมสร้างการขยายตัวทางเศรษฐกิจของชาติกับเป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาความยากจน มีบทบาทในการจ้างงานอันเป็นแหล่งสร้างรายได้ของประชาชนที่สร้างมูลค่าเพิ่มจากธุรกรรม การผลิต การค้าและบริการในขณะที่เป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบและสินค้าขนาดกลางสนับสนุนกิจการขนาดใหญ่ เป็นแหล่งผลิตสินค้าทดแทนการนำเข้า เพื่อการบริโภคในประเทศและเพื่อการส่งออก SMEs นำรายได้เข้าประเทศ เป็นแหล่งเริ่มต้นของการฝึกฝนพัฒนาทักษะและฝีมือแรงงานตามแผน
  • รายการ
    ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของอาจารย์พยาบาลในภาควิชาพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โรงพยาบาลรามาธิบดี
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2553) กวิตา เกิดมงคล
    การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey research) เกี่ยวกับความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของอาจารย์พยาบาลในภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจในการฏิบัติงานของอาจารย์พยาบาลใน ภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และเพื่อเปรียบเทียบระดับความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของอาจารย์พยาบาลใน คณะแพทยศาสตร์ ภาควิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จำแนกตามวุฒิการศึกษา ประสบการณ์ทำงาน และ ตำแหน่งทางวิชาการ กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 108 คน โดยใช้สูตรทฤษฎีลิมิตกลาง (The Central Limit Theorem) เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามเพื่อวัดความพึงพอใจในการปฏิบัติงานด้านปัจจัยจูงใจ 6 ด้าน 48 ข้อ ด้านปัจจัยบำรุงรักษา 6 ด้าน 63 ข้อ คุณภาพของเครื่องมีค่า IOC อยู่ระหว่าง 0.7 – 1.0 และมีค่าความเชื่อมั่นโดยวิธีของ Cronbach ได้ค่าแอลฟ่า เป็นรายด้านอยู่ระหว่าง 0.70 – 0.92 และรวมทั้งฉบับอยู่มีค่า 0.97 การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการแจกแบบสอบถามด้วยตนเองและรับกลับคืนภายหลังจากการแจก 1 เดือน การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อหาค่าคะแนนเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าเฉลี่ยโดยการใช้ t-test และ f-test เปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่โดยใช้ Scheffe test
  • รายการ
    ปัจจัยในการตัดสินใจส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนสอนภาษาจีนเอกชนของผู้ปกครองในเขตกรุงเทพมหานคร
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2555) ณฐพร ลิ้มสมบูรณ์
    การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยในการตัดสินใจส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนสอนภาษาจีนเอกชนของผู้ปกครองในเขตกรุงเทพมหานคร และเปรียบเทียบการตัดสินใจของผู้ปกครองที่มีสถานภาพต่างกัน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ ผู้ปกครองที่มีบุตรหรือผู้อยู่ในการปกครอง อายุ 4 – 12 ปี อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 410 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามแบบความสอดคล้อง 1.00 และมีค่าความเชื่อมั่น ทั้งฉบับ หาโดยวิธีครอนบาค ได้ค่าความเชื่อมั่น 0.790 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ แจกแจงความถี่ หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) และวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA)
  • รายการ
    ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเตรียมทหาร
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2552) อัญพัชร์ ปิยะวิชิตศักดิ์
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเตรียมทหาร และเพื่อสร้างสมการพยากรณ์ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ปีการศึกษา 2552 จำนวน 225 นาย เลือกแบบแบ่งชั้นภูมิ (Statified random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นแบบสอบถาม จำนวน 143 ข้อ หาค่าความเชื่อมั่นใช้ a – Coefficient ของครอนบาค มีค่าทั้งฉบับ้ท่ากับ 0.892 และ ค่าความเที่ยงตรง (Validity) โดยหาค่า IOC มีค่าเท่ากับ 0.8973
  • รายการ
    การศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุที่ส่งผลตอการดำเนินงานของผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิก ในเขตพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย
    (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2557) ชลธิชา สุภาพ
    การศึกษาเรื่อง “การศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุที่ส่งผลต่อการดำเนินงานของผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิก ในเขตพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย” วัตถุประสงค์ของการวิจัยในครั้งนี้ เพื่อศึกษาผลการดำเนินงานของผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิกในเขตพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย จำแนกตามลักษณะของสถานประกอบการ และเพื่อศีกษาปัจจัยเชิงสาเหตุที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงานของผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิกในเขตพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย การวิจัยครั้งนี้ใช้แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยใช้วิธีสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย (Simple Random Sampling) สำรวจข้อมูลโดยใช้วิธีการส่งไปรษณีย์ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ และด้วยตนเอง โดยใช้สถิติการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติอ้างอิง ได้แก่ One-Way ANOVA, Correlation Analysis และ Multiple Regression Analysis