กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: http://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/6321
ชื่อเรื่อง: การคุ้มครองพยานบุคคลในคดีอาญา
ชื่อเรื่องอื่นๆ: WITNESS PROTECTION IN THE CRIMINAL CASE
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: ณัฎฐพล ธรรมสุนทร
คำสำคัญ: พยานบุคคล
วันที่เผยแพร่: 2562
สำนักพิมพ์: มหาวิทยาลัยศรีปทุม
แหล่งอ้างอิง: ณัฎฐพล ธรรมสุนทร. 2561. "การคุ้มครองพยานบุคคลในคดีอาญา." สารนิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิต กลุ่มวิชากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม.
หมายเลขชุด/รายงาน: SPU_ณัฎฐพล ธรรมสุนทร_2562
บทคัดย่อ: สารนิพนธ์นี้เป็นการศึกษาเรื่องการคุ้มครองพยานบุคคลในคดีอาญา พยานบุคคลในคดีอาญานับว่ามีความสำคัญอย่างมากในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา เพราะพยานบุคคล จะเบิกความโดยพิสูจน์ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดจริงหรือไม่ และจำเลยได้กระทำความผิด ตามฟ้องโจทก์จริงหรือไม่ แต่การนำพยานบุคคลมาเบิกความในคดีอาญามีอุปสรรคหลายอย่าง เช่น พยานไม่ไปศาลเนื่องจากพยานบุคคลเกิดความหวาดกลัวจะได้รับอันตราย หรือรู้สึกไม่ปลอดภัย หากต้องมาเป็นพยาน พยานเหล่านี้มักจะหลีกเลี่ยงการไปศาล หรือเกรงกลัวอิทธิพลแล้วกลับคำให้การในชั้นพิจารณาคดี ซึ่งการคุ้มครองพยานบุคคลในประเทศไทยนั้นไม่สามารถให้ความคุ้มครองต่อพยานได้อย่างแท้จริง เพราะการสืบพยานของประเทศไทยต้องกระทำโดยเปิดเผยและต่อหน้าจำเลยซึ่งบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 172 วรรคหนึ่ง เป็นการให้สิทธิแก่จำเลยที่จะได้รับการเผชิญหน้ากับพยาน หากเปรียบเทียบการสืบพยานของกฎหมายไทย และกฎหมายต่างประเทศ จะจัดให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียง ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอยู่พร้อมกันสามารถเห็นภาพและเสียงได้ยินเสียงของผู้พิพากษา ทนายความจำเลย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นรวมทั้งพยานหลักฐานและข้อมูลในกระบวนการก่อนสืบพยาน ทนายความมาปรากฏตัวต่อศาลพร้อมกับจำเลย กฎหมายในต่างประเทศมิได้บัญญัติให้ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย จึงไม่มีเงื่อนไขบังคับเรื่องการเผชิญหน้าระหว่างจำเลยกับพยาน และการที่บุคคลใดมาเป็นพยานที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมที่เป็นองค์กร พยานจะได้รับการคุ้มครองตั้งแต่เริ่มกระบวนพิจารณาจนจบคดี และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพยานก็ได้รับการคุ้มครอง แต่การที่บุคคลใดจะได้รับการคุ้มครองพยานต้องผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานของรัฐที่ตั้งขึ้นมาเพื่อคุ้มครองพยานบุคคลโดยเฉพาะ พยานต้องทำการสมัครใจเข้าโครงการคุ้มครองพยาน และมีการกำหนดอัตราโทษบุคคลที่นำเรื่องเกี่ยวกับการคุ้มครองพยานไปเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่กฎหมายของไทยมีกฎหมายบังคับให้การสืบพยานในคดีอาญาต้องเผชิญหน้ากับพยาน ซึ่งการคุ้มครองพยานของไทยคุ้มครองเฉพาะพยานไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพยานในคดี มีการคุ้มครองเพียงระยะเวลาจำกัด เพื่อให้การใช้บังคับกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองพยานบุคคล เป็นไปโดยมีประสิทธิภาพตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานใน คดีอาญา พ.ศ. 2546 ควรที่จะกำหนดการคุ้มครองพยานที่รัฐจะต้องให้ความคุ้มครองบุคคลโดยมีการปฏิบัติที่เหมาะสม และมีการให้ค่าตอบแทนพอสมควรแก่พยาน และมีการจัดให้มีการคุ้มครองชั่วคราว แก่พยานในช่วงระยะเวลา ที่มีการพิจารณาคดีเพื่อให้การใช้บังคับกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองพยานมีความเหมาะสมยิ่งขึ้นไป
รายละเอียด: หลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต กลุ่มวิชากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
URI: http://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/6321
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:LAW-11. การค้นคว้าอิสระ/สารนิพนธ์



รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น