กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: http://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/4080
ชื่อเรื่อง: ปัญหากฎหมายในการดำเนินงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน: ศึกษากรณีการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมที่น่าสงสัย
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: บุศรา เมตตา
คำสำคัญ: การฟอกเงิน
ธุรกรรม
การเข้าถึงข้อมูล
การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
วันที่เผยแพร่: 11-ตุลาคม-2555
บทคัดย่อ: การศึกษาเรื่องปัญหากฎหมายในการดำเนินงานของสำนักงานป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน: ศึกษากรณีการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมที่น่าสงสัย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) แนวความคิดเกี่ยวกับการฟอกเงินของไทยและต่างประเทศ การใช้ดุลพินิจการเข้าถึงข้อมูลและ หลักการกำหนดให้การฟอกเงินเป็นความผิดทางอาญา (2) มาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการ เข้าถึงข้อมูลของเจ้าหน้าที่ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทั้งของประเทศไทย และต่างประเทศ (3) วิเคราะห์มาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงข้อมูลของเจ้าหน้าที่ ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทั้งของประเทศไทยและต่างประเทศ และ (4) กำหนดมาตรการและข้อเสนอแนะในการเข้าถึงข้อมูลของผู้กระทำผิดฐานฟอกเงินและคุ้มครอง สิทธิเสรีภาพของประชาชน ผลการศึกษาพบว่าตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 (1) มาตรา 38 (3) ให้อำนาจมากเกินไปแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ในการเรียกให้สถาบันการเงิน หรือส่วนราชการส่งข้อมูลหรือหลักฐานมายังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (2) การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. ในการให้ผู้ประกอบการส่งมอบข้อมูลใน ธุรกรรมที่น่าสงสัยประการ เช่น มาตรการในการเข้าถึงบัญชี ข้อมูลทางการสื่อสารและข้อมูลทาง คอมพิวเตอร์ตามมาตรา 46 หลายครั้งเกิดจากเงื่อนไขการใช้อำนาจที่ไม่เหมาะสม ขาดความชัดเจน (3) การใช้ดุลพินิจพิจารณาธุรกรรมของพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการปฎิบัติตามกฎหมายหลาย ครั้งขาดพยานหลักฐาน และไม่มีเหตุผลเพียงพอทำให้เกิดความเสียหาย(4) การเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ไม่มีบทกำหนดโทษ และไม่มีอำนาจเข้าสู่ระบบคอม- พิวเตอร์ผ่านระบบอินเตอร์เนตของสถาบันการเงินได้โดยตรง ทั้งนี้ ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะสำหรับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ดังนี้ (1) ควรจะพิจารณาให้ความเห็นต่อรัฐมนตรีในการออกระเบียบกำหนด องค์ประกอบหลัก- ฐานและเหตุผลในการปฎิบัติหน้าที่ ตาม มาตรา 38 ของ กรรมการธุรกรรม เลขาธิการ และพนักงาน เจ้าหน้าที่ (2) ควรหามาตรการการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุของพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งอาจเป็นความผิด ตามกฎหมาย และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จะต้องรับผิดต่อความเสียหายที่อาจ จะเกิดขึ้น (3) ควรจะพิจารณาให้ความเห็นต่อรัฐมนตรีในการออกระเบียบกำหนด องค์ประกอบของ การใช้ดุลพินิจ อันประกอบด้วย การใช้ดุลพินิจที่ไม่ขัดกับหลักกฎหมาย ไม่เกินขอบเขตที่กฎหมาย กำหนด ไม่บิดเบือนวัตถุประสงค์ของกฎหมายการฟอกเงิน มีขั้นตอนการพิจารณา มีพยานหลักฐาน หรือมีพยานบุคคล มีเหตุผลเพียงพอ และหรือข้อกำหนดอื่นๆ (4) ควรให้มีกฎหมายกำหนดบทลงโทษ ผู้เจตนาปกปิดรายการธุรกรรม การทำข้อมูลให้ สับสนเกินกว่าที่ควรจะเป็น การส่งรายการล่าช้า การบันทึกรายการธุรกรรมล่าช้า ให้กำหนดโทษ สมควรกับขนาดของธุรกรรม
URI: http://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/4080
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:S_CHO-09. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
1title.pdf51.96 kBAdobe PDFดู/เปิด
2abstract.pdf96.48 kBAdobe PDFดู/เปิด
3acknow.pdf52.57 kBAdobe PDFดู/เปิด
4content.pdf80.68 kBAdobe PDFดู/เปิด
5chap1.pdf125.08 kBAdobe PDFดู/เปิด
6chap2.pdf515.39 kBAdobe PDFดู/เปิด
7chap3.pdf707.28 kBAdobe PDFดู/เปิด
8chap4.pdf363.88 kBAdobe PDFดู/เปิด
9chap5.pdf146.11 kBAdobe PDFดู/เปิด
10bib.pdf122.88 kBAdobe PDFดู/เปิด
11profile.pdf50.27 kBAdobe PDFดู/เปิด


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น