SPU Khonkaen Campus
URI ถาวรสำหรับชุมชนนี้
เรียกดู
กำลังเรียกดู SPU Khonkaen Campus โดย วันที่ออก
ตอนนี้กำลังแสดง1 - 20 ของ 45
ผลลัพธ์ต่อหน้า
ตัวเลือกเรียงลำดับ
รายการ GLOBAL STRATEGIC MANAGEMENT COMPETENCY AND FIRM PERFORMANCE: AN EMPIRICAL INVESTIGATION OF TEXTILES EXPORTING BUSINESSES IN THAILAND(SRIPATUM UNIVERSITY, 2557-10) CHEEWAN THONGSODSANGThe firms have developed operational approach conjunction with strategic management to enhance ability for business competition, especially, when the firms have growth and planning expand business to international; thus will select strategies appropriately to build customers’ trust and acceptance. Hence, the firms attempt to design various strategies whose the key success is to increase potential and capability competition to global market. The global strategic management competency is the new operation approach of the firms that put an emphasis on cooperation, modernity, and proactive management to effectively respond to business change in the present. This global strategic management is developed from the integration of new knowledge, operational technique, experience of director, and technological continuously bring to optimal practice and strength of the firms.รายการ สื่อใหม่กับการเปลี่ยนแปลงกระบวนการสื่อข่าว(คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ขอนแก่น, 2558) ณัฏฐ์ชดา จันสุขการวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) การใช้สื่อใหม่ในรูปแบบใดบ้าง ของผู้สื่อข่าว กับการนำเสนอข่าวสารที่เปลี่ยนแปลงกระบวนการสื่อข่าว (2) เพื่อศึกษาผลต่อการเปลี่ยนแปลง รูปแบบการทำงานของผู้สื่อข่าวในกระบวนการสื่อข่าว เมื่อผู้รับสารใช้สื่อใหม่ในการรับข้อมูลข่าวสาร และ (3) เพื่อศึกษาวงจรข่าวระหว่างผู้สื่อข่าว บรรณาธิการ ช่องทางการสื่อข่าว และช่องทางการรับ ข่าวสารของผู้รับข่าวสารที่ใช้สื่อใหม่ในกระบวนการสื่อข่าว โดยการสัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวจำนวน 21 สื่อ จากแหล่งข่าว ทั้งในสื่อหนังสือพิมพ์ สื่อวิทยุโทรทัศน์ สื่อออนไลน์ เคเบิ้ล สื่อวิทยุกระจายเสียง และ นักจัดรายการ ของสื่อในศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือรายการ ความสัมพันธ์ระหว่างการปฏิบัติงานทางการบัญชีกับประสิทธิภาพการทำงาน ของนักบัญชีในสถาบันอุดมศึกษาของไทย(คณะการบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม ขอนแก่น, 2558) อมราลักษณ์ สุภาพินิจThe accounting practice was conducted as comprehensive accounting system and procedures in order to achieve quality and efficiency. The accounting practice will be through the assessment process to be continuous improvement for the achievement of organizations in future. Therefore, the researcher conducted a study of relationship between of accounting practice and job efficiency of accountants in the higher education institutions of Thailand, by using a questionnaire as an instrument for higher education institutions data from 201 respondents. The statistics used for analyzing were F-test (ANOVA and MANOVA), multiple correlation analysis and multiple regression analysis.รายการ การพัฒนาระบบวัดมาตรฐานข้อสอบโดยใช้เทคนิคการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวิจัย กรณีศึกษา : วัดมาตรฐานข้อสอบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของ มหาวิทยาลัยศรีปทุม(คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ขอนแก่น, 2558) วนิดา หารหนองบัวงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบวัดมาตรฐานข้อสอบโดยใช้เทคนิคการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวิจัย โดยรวบรวมหลักการวัดคุณภาพเครื่องมือวิจัยไว้ในระบบพี่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 1) การวัดคุณภาพด้านความเชื่อมั่น 2) การวัดคุณภาพด้านความยาก/ง่าย 3) การวัดคุณภาพด้านอำนาจการจำแนก 4) การวัดคุณภาพด้านความตรงเชิงเนื้อหา (IOC) และ 5) การวัดคุณภาพด้านความเป็นปรนัย โดยระบบที่พัฒนาขึ้นเผยแพร่อยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในรูปแบบเว็บแอพพลิเคชั่น ผู้ใช้ขอใช้บริการได้สะดวก ง่ายต่อการวัดคุณภาพข้อสอบปรนัย โดยการประเมินคุณภาพระบบโดยผู้ใช้ที่ทดลองใช้ระบบรายการ ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกชมภาพยนตร์ดิจิทัลในประเทศไทย กรณีศึกษาโรงภาพยนตร์ระบบมัลติเพล็กซ์(Sripatum University, 2558-11) ชาญวิทย พรหมพิทักษ์การวิจัยเรื่อง “ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกชมภาพยนตร์ดิจิทัลในประเทศไทย กรณีศึกษาโรงภาพยนตร์ระบบมัลติเพล็กซ์” เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกชมภาพยนตร์ดิจิทัลสามมิติและภาพยนตร์ดิจิทัลของผู้บริโภคทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 2) เพื่อศึกษาการเปิดรับโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาพยนตร์ดิจิทัลสามมิติและภาพยนตร์ดิจิทัลของผู้บริโภคทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และ 3) เพื่อศึกษาแนวโน้มความนิยมของผู้บริโภคในประเภทของภาพยนตร์สามมิติและภาพยนตร์ดิจิทัลในอนาคต การเลือกกลุ่มตัวอย่างใช้วิธีการการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบการจัดชั้นแบบสัดส่วน (Stratified random sampling) ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้นจานวน 1,721 คน เครื่องมือในการวิจัยครั้งนี้ คือ แบบสอบถาม (questionnaire) This research "Factors Effecting on Selection of Digital Cinema in Thailand Focusing on Multiplex Cinema" is a quantitative research, the aims: 1) study the factors that influence the decision of the 3D digital cinema, digital cinema and digital consumer in Bangkok and the provinces and 2) study the exposure of advertising, film and 3D digital movies, consumers in Bangkok and the provinces, and 3) study consumer trends in the types of 3D digital films and digital films in the future. The sample was selected using a stratified random sampling have a total of 1721 samples were selected in this study was a questionnaire.รายการ ผลกระทบจากการใช้สื่อโซเชียลมีเดียของคนวัยทำงานในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล(Sripatum University, 2558-11) อดิสรณ์ อันสงครามการศึกษาเรื่อง “ผลกระทบจากการใช้สื่อโซเชียลมีเดียของคนวัยทำงานในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล” เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์การวิจัย (1) เพื่อศึกษาผลกระทบการใช้งานสื่อโซเซียลมีเดียในการสื่อสารที่เปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบสังคมก้มหน้าของผู้ส่งสารรับผู้รับสารในยุคปัจจุบัน และ (2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมของการใช้สื่อโซเซียลมีเดียที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของการสื่อสารในยุคปัจจุบันทำการศึกษากับกลุ่มตัวอย่างจานวน 2,000 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัยครั้งนี้ For this study, “The Effect of Social Media on Working Citizens in Bangkok and the Surrounding Areas”, the quantitative research. The objective of the research (1) study the impact of social media to communicate the change in social of the messenger gets the audience in the present and (2) study the behavior of the social media users to influence the dynamics of communication in the present study with a sample of 2,000 people by questionnaire was used in this researchรายการ นักการบัญชีไทยกับความพร้อมในการใช้มาตรฐานการบัญชีตามกรอบ มาตรฐาน กลุ่มเศรษฐกิจอาเซียน(Sripatum University, 2559-10) เดือนฉาย ซ่อนกลางการศึกษาเรื่องนักการบัญชีไทยกับความพร้อมในการใช้มาตรฐานการบัญชีตามกรอบ มาตรฐานกลุ่มเศรษฐกิจอาเซียนในด้านความรู้ความสามารถ ด้านทักษะและด้านมาตรฐานการบัญชี จาแนกตาม เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ ประสบการณ์ทางานที่เกี่ยวข้องกับงานด้านบัญชีกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ จานวน 213 คน โดยกลุ่มตัวอย่างจากการสัมภาษณ์จานวน 12 คน และจากการตอบแบบสอบถาม จานวน 201 คน ได้แก่ ผู้ทาบัญชี ผู้มีหน้าที่จัดทาบัญชี ธุรกิจการจัดทาบัญชี และอาจารย์ผู้สอน บัญชี และได้แบบสอบถามที่สมบูรณ์จานวน 200 ชุด เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแบบ สัมภาษณ์เชิงลึกและแบบสอบถามในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้สถิติ คือ ค่าร้อยละ ค่า คะแนนเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติค่าที (t-test) และสถิติ f – test This study was conducted on how often Thai Accountants complied ASEAN in term of ability, skill, and accounting standard categorized by gender, age, education, occupation, years of work, and working experience that related to accounting and information concerning to accounting standard. Sample used in this study consisted of 213 people, 12 interviewees and 201 questionnaire respondents, included bookkeepers, persons who were responsible in bookkeeping, accounting business, and accounting teachers. There were 200 completed set of questioniare. Instruments used in this research included in-dept interview and questionaire. Qualitative data analysis was conducted by using statistics which included percentage, mean, standard deviation, t-test and f-test.รายการ ปัจจัยที่มีผลต่อความพร้อมของนักบัญชี เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2562) อมราลักษณ์ สุภาพินิจการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความรู้ ระดับความพร้อมและปัจจัยที่มีผลต่อความพร้อมในการรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของบุคลากรทางบัญชีในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยใช้การวิจัยเชิงปริมาณและใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ บุคลากรทางบัญชีในสถานประกอบการ เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วยสถิติ Independent Sample t-test, One-Way ANOVA และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียรสัน ผลการศึกษา พบว่า เพศและอายุที่แตกต่างกันไม่มีผลต่อความพร้อมในการรองรับ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ระดับการศึกษามีผลต่อความพร้อมทุกด้านได้แก่ ด้านวิชาชีพ ด้านภาษา ด้านกฎหมายและด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่วนประสบการณ์ทำงานบัญชีมีผลต่อความพร้อมด้านภาษาและด้านกฎหมาย ระดับความรู้ความเช้าใจในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของบุคลากรทางบัญชีในสถานประกอบการมีความพร้อมอยู่ในระดับปานกลาง ความรู้ความเช้าใจเกี่ยวกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับความพร้อมของบุคลากรทางบัญชีเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในด้านวิชาชีพบัญชีและด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05รายการ การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้าโดยใช้โปรแกรมอารีน่า: กรณีศึกษา อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2563) ภาณุพงษ์ ศรีมุงคุลงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้าของกรณีศึกษา ศูนย์ กระจายสินค้าอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม จังหวัดขอนแก่น โดยใช้ ABC Analysis การออกแบบผังการวางสินค้า และการจำลองสถานการณ์ จากการเก็บข้อมูลสินค้าจำนวน 124 รายการ ได้จัดกลุ่มจาก ความถี่ในการจ่ายออกของสินค้าออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสินค้า A กลุ่มสินค้า B กลุ่มสินค้า C และกลุ่มสินค้า D ตามลำดับ จากนั้นได้ออกแบบการจัดวางสินค้าใหม่ตามความเหมาะสม และสร้าง แบบจำลองสถานการณ์ด้วยโปรแกรมอารีน่าเพื่อปรับปรุงกระบวนการเคลื่อนย้ายภายในคลังสินค้า ตัวชี้วัดประสิทธิภาพของกระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้า ได้แก่ ระยะทาง เวลา และต้นทุน ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 63.09, 75.61 และ 62.45 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับรายการ Study Of Students’ Moral Principles And Ethics As Perceived By Administrators And Teachers In Educational Extended Schools Under Khon Kaen Primary Educational Service Area Office 5.(SRIPATUM UNIVERSITY, 2564-01-16) Ariyaphap Diloklap; Chakkaphan ChanchareonThis research aimed to study and compare the moral principles and ethics of students by administrators and teachers in educational Extended Schools under Khonkaen primary educational service area office 5, as perceived by students' parents as they were classified by genders, Position, and income. The population included 1,284 administrators and teachers of educational Extended schools Khonkaen primary educational service area office 5 in the academic year 2020. The sample group consisted of 360 administrators and teachers selected by means of the stratified random sampling, using Yamane Then a simple sampling was performed and using Stratified Random Sampling formula to determine the sample size. The research instrument was a forty-item questionnaire with a five-level Likert scale, which yielded the reliability value of .95 The data were analyzed using frequency distributions, percentage, arithmetic mean, standard deviation, and t-test. 1. the moral principles and ethics of students by administrators and teachers in educational Extended Schools Khonkaen primary educational service area office 5, The overall and individual aspects of the students' moral principles were perceived to be at a high level. Arranged in an order from high to low, the moral principles and ethics in the individual aspects were as follows: discipline, Politeness, Kindness, Cleanliness, Honesty, Diligence, Unity and frugality responsibility, frugality, and efficient uses of resources. 2. There was no significant difference in the opinions of administrators and teachers regarding the students' moral principles between male and female 3. There was significant difference, at the level of .05, in the opinions of the administrators and teaches whose they were classified by genders, Position were different regarding the overall and all individual aspects the students' moral principles and ethics. 4. There was significant difference, at the level of .05, in the opinions of the administrators and teachers whose Work experience were different regarding the overall and all individual aspects the students' moral principles and ethics.รายการ The Development Of Thai Reading Ability By Using E-Book Of Anuban 2 Students At Phonsimanukroa School Under Kalasin Primary Educational Service Area 2.(SRIPATUM UNIVERSITY, 2564-01-16) Phuwasit Srichaisang; Arpakorn Supho; Chakkaphan ChanchareonThe purposes of the action research of the development of Thai reading ability by using e-book were 1) to develop the learning achievement and Thai reading ability of Anuban 2 students 2) to prepare the reading ability for the samples. The samples of this research were 16 students of Anuban 2 class by using purposive sampling. The research instruments were 5 reading exercises, and the 20 multiple-choice test items with 3 choices. The research design was one group pre-test post-test design. The analyzed statistics in the research were percentage, mean, and standard deviation. The result of the study found that 1) the proficiency of Thai reading e-book was higher than the criterion at 85.43/86.48 2) the learning achievement by using Thai reading e-book of the students was better at 86.47.รายการ Learning Innovation And Multimedia: Fraction To Mathematic Learning Result Development Of Primary 4 Students In Sammoonnak School Under The Office Of Chaiyaphum Primary Educational Service Area 2.(SRIPATUM UNIVERSITY, 2564-01-16) Thammarat Singsong; Mullika Luepanya; Chakkaphan ChanchareonThis research aims to 1) To compare the mathematic learning result in fraction of Primary 4 students 2. To study the satisfaction in learning multimedia. The samples are 12 primary 4 students of Sammoonnak school in academic year 2562 under the office of Chaiyaphum Primary Educational Service Area 2 with simple random sampling method. The research instruments is 2 set of fraction learning test. The statistic used in the research are mean, medium, and standard derivation. The research found the primary 4 students were encourage by fraction learning innovation and multimedia. The satisfaction is significantly high at 0.05 level.รายการ A Study On Academic Administration In Small Schools In Mueang Maha SarakHam District Under Primary Educational Service Area Office 1(SRIPATUM UNIVERSITY, 2564-01-16) Aemorn Aupata; Chakkaphan ChanchareonThe objectives of this research were aimed to 1) to investigate academics administration guidelines in small schools in Muang Maha Sarakham district under Primary Educational Service Area Office 1, 2) to propose academics administration guidelines in small schools in Muang Maha Sarakham district under Primary Educational Service Area Office 1. The research on the Academics Administration Guidelines of Small Schools in Muang Maha Sarakham district under Primary Educational Service Area Office 1, has divided into two main phrases as follows. Phrase 1 to observe School principals and teachers' guidelines and opinions from the Academic Department about academic administration in small schools in Muang Maha Sarakham district under Primary Educational Service Area Office 1. Phrase 2 to propose academics administration guidelines of in small schools in Muang Maha Sarakham district under Primary Educational Service Area Office 1. The number of 235 participants was selected from school principals using multi-stage sampling of Krejcie and Morgan tables. The research tools consisted of three main parts, as follows. Firstly, General Background, i.e., position, education, age, and work experiences by employed checklist. Second, Academics administration guidelines in small schools in Muang Maha Sarakham district under Primary Educational Service Area Office 1 which covered five dimensions of administration, and the last part were additional opinions and suggestion from school principals and teachers about academics administration guidelines in small schools in Muang Maha Sarakham district under Primary Educational Service Area Office 1 from open-ended questions. The study results indicate that the principals and teachers had qualified in academic administration in small schools in Muang Maha Sarakham district under Primary Educational Service Area Office 1 at a good level, particularly in the administration of educational curriculum, teaching, assessment, evaluation, and grade transfer, development, media, innovation and technology, and development of learning resources were all at a good level. As a result of academic administration in small schools in Muang Maha Sarakham district under Primary Educational Service Area Office 1. In addition, the academic administration guidelines summary of Small schools in Mueang Maha Sarakham district under the Maha Sarakham Primary Educational Service Area Office, Area 1, were 1) the school used the school curriculum to organize learning activities. It held a working group meeting to plan academic administration by studying the Educational curriculum institutions, and strategic plans are information for planning. The school also was provided a curriculum, educational institutions, teacher manuals, and enough media for academic administration; 2) For teaching and learning management, the principals encourage teachers to create a learning administrationplan based on the subject matter and the learning unit with a learner focus and provides an opportunity for teachers to develop a plan in teaching and learning. For the slow learner, remedial instruction was provided to promote and help them to learn in an appropriated environment; 3) In grade evaluation and assessment, the school has a system for transferring grades, knowledge, abilities, experiences of students from other schools or even another form of education which corresponded with regulations and assessment training program. The evaluation and assessment have created standardized measurement tools for teachers and the schools to use a quality standardized evaluation tool; 4) the schools plan to develop educational media, technology, and innovation distinctly. The local materials and wisdom were used to produce teaching along with consistency monitoring and evaluation of the use of educational technology innovation media; 5) for the development of learning resources, the school has funded in educational resources to continuously develop learning resources integrated with encourages teachers and students to use resources for continuous learning and development, including setting up a committee for the development of learning resources.รายการ Development Of Computer-Aided Courseware To Teach Programming In Python Technology Secondary School Grade 2, Sichomphusuksa School Khon Kaen Provincial Administrative Organization.(SRIPATUM UNIVERSITY, 2564-01-16) Noppakhun Suebloei; Patiwat Saensuk; Chakkaphan ChanchareonObjective of this research is 1) to develop computer-assisted lessons on programming with Python. Technology Grade 2 with an effective 80/80 criterion 2) to compare students' learning achievement before and after class with computer-assisted lessons on programming with Python. Technology Mathayomsuksa 2 and 3) to study students' satisfaction with computer-assisted learning about programming in Python. Technology Secondary school year 2 developed by the researcher The sample used in this research was Mathayom Suksa 2/10 students at Sichomphusuksa School. Khon Kaen Provincial Administrative Organization In the first semester of the academic year 2020, 32 students were obtained using Cluster Random Sampling.The research tools were 1) Computer-aided lessons on programming with Python 2). There were 30 4-choice choices for the achievement test, which had a classification power ranging from 0.22 to 0.78, and the confidence in the whole version was 0.85. Computer teaching aids It was a 5-level estimation scale model with a discriminant power ranging from 0.34 to 0.75 with a total confidence value of 0.84. The statistics used for data analysis were percentage, mean, standard deviation. And the Dependent Sample t-test. The results were as follows. 1. Computer-Aided Lessons Teach Programming in Python Technology Secondary school year 2 had the efficiency 87.03 / 84.90 meeting the set criteria. 2. The students had significantly higher post-study achievement at the .01 level, which was based on the hypothesis. 3. The students who studied with computer-assisted lessons were satisfied with the overall computer-assisted instruction at the most satisfactory level. Higher than the hypothesis set In conclusion, the computer-assisted lesson on programming with Python. Technology The second grade of secondary education was developed with efficiency and effectiveness. Can be used for teaching and learning So that students can achieve their goals.รายการ Development Mathematical Skills On Addition Subtraction Multiplication And Division Of Fractions By E-Learning For Primary 6 Students In Ban Hin Roi Moei School Under Chaiyaphum Primary Educational Service Area Office 2.(SRIPATUM UNIVERSITY, 2564-01-16) Nantiya Tongsom; Thawutchai Sawusdee; Chakkaphan ChanchareonThe objectives of the study were 1. To Develop Mathematical skills on dition, subtraction, multiplication and division of fractions for Primary 6 students. 2 . To compare the learning achievements between before study and after study by E-Learning for the samples, selected from 5 cases of primary 6 students in Ban Hin Roi Moei school of the Academic Year 2020 under Chaiyaphum Primary Educational Service Area Office 2 by using the Purposive Sampling. The instruments used for gathering data were addition, subtraction, multiplication and division of fraction lessons on development Mathematics skills. The statistics were the mean and the standard deviation. The results of the study were as follows 1) Comparison the learning achievements of the primary 6 students in Ban Hin Roi Moei school under Chaiyaphum Primary Educational Service Area Office 2 on the development Mathematics skills by E-Learning between before study and after study, before study has the mean at 53.6 (x= 53.6) and the standard deviation at 11.17 (S.D. = 11.17) and after study has the mean at 70.8 (x = 70.8) and the standard deviation at 13.97 (S.D. = 13.97). The study was found that the after study achievement was higher. 2) The outcomes of the samples, the primary 6 students in Ban Hin Roi Moei school under Chaiyaphum Primary Educational Service Area Office 2, after study was higher than before study.รายการ Development A Set Of Mathematics Learning Activities By Collaborative Learning With STAD Technique On The Numeral Factorization Of Primary Education.(SRIPATUM UNIVERSITY, 2564-01-16) Niyada Buakhao; Phatiraporn Kraipinit; Chakkaphan ChanchareonThis research has objectives to1) To study the format of a set mathematics learning activity in collaboration with STAD technique on the numeral factorization for primary education student's grade 6.2) Develop a set of collaborative mathematics learning activity with STAD technique on the numeral factorization for primary education students grade 6 to be effective according to criteria 70/70.3) Compare the learning achievement before and after studying by using a set of the mathematics learning activity that were studied in cooperation with STAD technique on the numeral factorization. 4) To study satisfaction of student on the set a collaborative mathematics learning activity with STAD technique the numeral factorization. The sample group used in this research was 30 students in Primary School, HuaywaWittayakhom School, Ban Fang District, KhonKaen Province for the academic year 2020. The tools used in this research are 1) A set of mathematics learning activities that are studied collaborative with STAD techniques on the numeral factorization. 2) A test to measure academic achievement with a set of collaborative mathematics learning activities studied by STAD with 30 questions. 3) To study students' satisfaction of a set of collaborative mathematics learning activity that studied by STAD techniques. The statistics used to analyze the data are basic statistics and t-test for dependent samples. The result of research found that 1) A set of mathematics learning activities that were studied in collaboration with STAD technique. The efficiency value of the media E1/E2was 74.33 / 70.71, which is higher than the set criteria.2) The academic achievement of students studying with a set of mathematics learning activities that were studied in collaboration with STAD technique. After studying higher than before study statistically significant at 0.5 level. 3) Satisfaction of students with a set of mathematics learning activities that were studied in collaboration with STAD technique at a very high level (x = 4.47).รายการ The Development Of Teaching Science Innovation In Improving Learning Achievement In The Topic The Result Of Creativity Learning To Solve Science Problems Of Matthayomsuksa 6 Students Of Numpongsuksa School Under Secondary Educational Service Area Office 25.(SRIPATUM UNIVERSITY, 2564-01-16) Wasan Siripukdee; Wichian Srilapud; Chakkaphan ChanchareonAn approach to the management of the National Education Act of 2542 , as amended (on the second) Act 2545 , Section 22 principles that all learners are able to learn and develop themselves and considered learners are the most important. The educational management process must encourage learners to develop naturally. In Article 24, education must provide organizing the learning process, must practice the thinking process, situation management skills, application of knowledge to prevent and solve problems. The teaching processes organize activities for learners to learn From real experience Practice to be able to think and act. The current problem of science teaching and learning is inconsistent with the rapidly advancing evolution of science and technology because of the instruction based on the teacher manual that requires students only come to the correct conclusion. Teachers also focus on the ability to convey the content to be memorized for the exam, not focusing on the process for learners to develop thinking, analyze, and synthesis. I don't like reading and don't know how to learn. The academic achievement in science was not satisfactory (Jiraporn Siritawatt , 2541: 37) and the assessment of the Department of Academic Affairs (Rungkaewdang , 2003: 9 -11) found that the students' grades Secondary school year 6, academic year 2002, with a percentage average score in science courses 45.1 And from the scientific and technology competency ranking report in In 2002, a total of 47 countries by the International Institute for Management Development (IMD) appeared that Thailand was ranked at 33rd and ranked as the country's competitiveness. Thailand science and technology country ranked at 47th (Office of Science and Technology Development National Technology, 2003: 7-8). Therefore, the management of science teaching needs to change the learning behavior. There is a need for both teachers and students to reduce the role of teachers from being a teller, lecture, demonstration, to plan activities for students to learn and emphasize the process for students to think, practice, study and research in a systematic way with a variety of activities, including field activities, observation, survey, examination. laboratory experiments searching for educational project data from local learning sources with regard to maturity different experiences, environments and cultures that students have come to know before entering the classroom. One of the ideas currently available as an alternative to science teaching activities is the concept of knowledge creation (Constructivism).รายการ Thai Dramatic Art Teaching Media And Innovation Creation Dancer (Chip And Wong) Of Grade 7 Students In Banwangmuang School Kasetsomboon District, Chaiyaphum Province Under The Office Of Primary Educational Service Area 2.(SRIPATUM UNIVERSITY, 2564-01-16) Chanthamuk Chaengkham; Khanisthaka Nontan; Chakkaphan ChanchareonThis research aimed to 1) visualize the dancer art to the students and applied in their daily life. 2) To support the student to have basis of the dramatic art and play to be able to communicate in the real meanings. 3)The students can be able to use the action and dance in the play by propagating dancing act in modern world. The sample of this research were grade 7 students of Banwangmuang school in academic year 2020 under the office of Chaiyaphum Primary Educational Service Area 2 with number 56 by using the dramatic dancer to create learning visualization in the topic dancer (Chip and Wong) in learning lecturing toward learning. The statistic used in the research were average, mean and standard derivation. The research found that : The grade 7 students of Banwangmuang school who have learned with Thai dramatic dancer to create visualization lesson plan in the topic dancer (Chip and Wong) has statistic significantly at 0.01รายการ The Participation Of The Basic Educational Committee In Administration The School In Phayakkhaphum Phisai District Under Maha Sarakham Primary EduCational Service Area Office 2(SRIPATUM UNIVERSITY, 2564-01-16) Phansak Uppate; Chakkaphan ChanchareonThe research titled ‘The Participation of the Basic Educational Committee in Administration the School in Phayakkhaphum Phisai district under Primary Educational Service Area Office 2 aimed to 1) to investigate the participation of the Basic Educational Committee Administration of the school in Phayakkhaphum Phisai district under Primary Educational Service Area Office, Area 2; 2) to compare the participation of the Basic Educational Committee Administration of the school in Phayakkhaphum Phisai district under Primary Educational Service Area Office, Area 2. The number of 218 participants was selected from a stratified random sampling of Krejcie and Morgan tables. The study results were as follows. 1.The study indicated that the participation of the Basic Educational Committee Administration of the school in Phayakkhaphum Phisai district under Primary Educational Service Area Office, Area 2, was at a good level when considered from academic administration, finance administration, human resources, and general administration were all at a good level. 2.The comparison result of the participation of the Basic Educational Committee Administration of the school in Phayakkhaphum Phisai district under Primary Educational Service Area Office, Area 2 indicated that the participants from the same gender and similar-aged rank the participation of the Basic Educational Committee were no significant difference in statistical number equaled .05 whereas the participants from different careers, educations the participation of the Basic Educational Committee were significant differences in statistical number equaled .01รายการ Under The Wang Thong Subdistrict Administrative Organization.(SRIPATUM UNIVERSITY, 2564-01-16) Worawut Sudnoy; Wanchalemrchai Phonnawapat; Chakkaphan ChanchareonSchool is a type of buildings used for instructional activities. Regardless of the building risk management as required by laws, school is required to have an institute or professional in building risk management in order to prevent and reduce the risk as well as the lowest level of impact. This research aims to 1) to study the security risks which can be occurred in secondary school; 2) to study the guidelines for the security risks management operating by school; 3) to develop / improve the guidelines for security risks management in accordance with the physical of the building. Research was conducted by using the simple random as a sampling method and divided the data into 2 phases: phase 1, using the survey form as a checklist of the physical characteristics of the building. Phase 2, using the In- depth interviews to school administrators to confirm the results of the study, including comments about the results of the study to lead to the summarizing and discussing research results. The study shows that there are 3 safety risks; accident, casualty, and safety in building use. The currently guidelines are 2 aspects; improvement and maintenance, and security care. As for the development / improvement are 9 steps1) Executive training; 2) Formulate policies; 3) Appoint a committee to determine the scope and duties; 4) Survey the building site; 5) Analyze the risks; 6) Prepare projects and action plans for budget approval; 7) Promote campaigns and training; 8) Practice an emergency plan every year; 9) Review and improve plans. The research results show that building Risk Management is related directly to people’s lives and property. Officers should be encouraged to have extensive knowledge and the youth awareness for their common practice towards the importance and the loss which can happen. It is absolutely necessary that government sector must give the top priority and support all of actions in terms of budget and professionals in training and making plans immediately.
- «
- 1 (current)
- 2
- 3
- »